ดาวโจนส์ปิดลบท่ามกลางการซื้อขายผันผวน

ดาวโจนส์ปิดลบท่ามกลางการซื้อขายผันผวน

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคาร (11 ธ.ค.)ในแดนลบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากทะยานกว่า 300 จุดในช่วงเปิดตลาด ขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

 ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง 53.02 จุดหรือ 0.22 % ปิดที่ 24,370.24 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500  ร่วงลง 0.94 จุดหรือ 0.04 % ปิดที่ 2,636.78 จุด และดัชนีแนสแด็ก บวก 11.31 จุดหรือ 0.16 % ปิดที่ 7,031.83 จุด

 ทั้งนี้ นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงเตือนเกี่ยวกับการเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหม่ เนื่องจากมีความพยายามในการลดกฎระเบียบการควบคุมดูแลตลาด และการที่เจ้าหน้าที่ด้านการธนาคารถูกลดอำนาจในการผ่อนคลายความตื่นตระหนกในตลาด นอกจากนี้ อดีตประธานเฟดยังแสดงความเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวต่ำกว่าระดับในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

นางเยลเลน กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา เฟด น่าจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) มากกว่าที่ได้ดำเนินการในอดีต โดยเฟดได้จำกัดการดำเนินการดังกล่าว หลังจากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอี

ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทวีตว่า เขาเตรียมประกาศครั้งสำคัญเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับจีน

“เรามีการเจรจาการค้ากับจีนที่ประสบผลสำเร็จอย่างมาก ขอให้เตรียมตัวฟังการประกาศครั้งสำคัญ” ข้อความในทวิตเตอร์ของทรัมป์ ระบุ

ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความดังกล่าว หลังจากที่สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า รัฐบาลจีนเตรียมปรับลดอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ โดยแหล่งข่าว ระบุว่า คณะรัฐมนตรีจีน เตรียมพิจารณาข้อเสนอปรับลดอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ ลงสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 40%

ทั้งนี้ จีนได้ปรับขึ้นอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐสู่ระดับ 40% ในเดือนก.ค.เพื่อตอบโต้มาตรการปรับขึ้นอัตราภาษีของทางสหรัฐ

นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้โทรศัพท์หารือกับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศ