'เทวัญ ลิปตพัลลภ' ชพน.ไม่ผูกติด 'ทหาร'

สนามการเมืองที่ขับเคี่ยวกันเข้มข้น พรรคกำเนิดใหม่ขับเคลื่อนแย่งชิงเสียงในสภาพรรคเก่าแก่ที่ยังพอเหลือพื้นที่ให้ลงแข่งถูกตัดแต่งพันธุกรรม เปลี่ยนหัวขบวนสลับหน้ากันเล่น-รีแบรนด์กันใหม่ เพื่อให้มีเสียงในสภาไว้ขอเก้าอี้รัฐมนตรี

พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) เปลี่ยนหัวหน้าพรรคใหม่ ชู “เทวัญ ลิปตพัลลภ” น้องชาย “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” แต่กลับถูกมองว่าเป็นหัวหน้าเพียงตำแหน่ง ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ เพราะตัวหน้าพรรคตัวจริงชื่อ “สุวัจน์”

เทวัญอธิบายว่า ไม่เสียหายที่ได้คุณสุวัจน์เข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาพรรค เพราะมีประสบการณ์มาช่วย เราต้องอาศัยคนที่มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่ อย่างเร็วๆ นี้ เราคุยถึงการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผมมองว่าต้องส่งคนนี้ลงเขตนี้ แต่พอได้คุยกับที่ปรึกษา เขาบอกว่าต้องเอาอีกคน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ตัวเองก็คิดไม่ถึง

“การทำงานการเมืองไม่ใช่อาศัยแค่ประสบการณ์จากตัวหนังสือ แต่ต้องใช้ประสบการณ์จริง แต่ไม่ใช่ว่าคุณสุวัจน์จะเข้ามาแทรกแซง หรือครอบงำพรรค ผมในฐานะหัวหน้าพรรคย่อมมีแนวคิดและการตัดสินใจหลังจากฟังความเห็นแบบรอบด้าน”

นอกจากชื่อของ “สุวัจน์” ที่ถูกมองว่าจะคอยกำกับอยู่เบื้องหลัง ยังมีชื่อของ “บิ๊กเอ๊กซ์” พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนสนิทและเป็นที่ไว้ใจของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เข้ามามีบทบาทภายในพรรคชาติพัฒนาจนถูกมองว่าเคยเชื่อมสัญญาณจากทหารมายังพรรคนี้

“เทวัญ” กล่าวว่า “ผมขอเรียก พล.อ.ฐิติวัจน์ว่าพี่เอ๊กซ์นะ เพราะติดปาก พี่เอ๊กซ์สนใจมาร่วมงานการเมือง ก็ใช้ประสบการณ์ของท่านในการทำงานการเมือง”

“พี่เอ๊กซ์ เป็นลูกชายของพล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก แล้วท่านพล.อ.อาทิตย์เป็นผู้ก่อตั้งพรรคปวงชนชาวไทย หลังจากนั้นพรรคปวงชนชาวไทยเปลี่ยนเป็นพรรคชาติพัฒนาแล้วท่าน พล.อ.อาทิตย์ มีผลงานภาคอีสานเยอะ พี่เอ๊กซ์มีความจำนงเข้ามาช่วยเหลือพรรคเพราะท่านถือว่าเป็นพรรคของคุณพ่อท่านเหมือนกัน”

แต่เมื่อถูกถามว่า พล.อ.ฐิติวัจน์ จะเป็นตัวเชื่อมสัญญาณจาก “ทหาร” มายังพรรคชาติพัฒนาหรือไม่ เทวัญ ตอบกลับทันควันว่า “โธ่...ถ้าอย่างงั้น ทุกพรรคที่มีนายพลอยู่เขาก็เชื่อมกับทหารหมดทุกพรรคนะ จุดเด่นของท่าน ท่านเป็นคนประนีประนอม แล้วมีความเก่งกาจ จะใช้ประสบการณ์ร่วมกันทำงาน แต่ไม่ใช่การเอาไปผูกกับฝ่ายทหาร”

สำหรับสโลแกน “ชาติพัฒนา - NO PROBLEM” ที่พรรคชาติพัฒนาปัดฝุ่นกลับมาใช้ เทวัญอธิบายว่า ชาติพัฒนามีจุดยืนทางการเมืองที่ไม่มีปัญหากับใคร ไม่ใช่ว่าเราจะไปซ้าย หรือไปขวา แบบไม่มีจุดยืน หากได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลโอกาสนำนโยบายของพรรคไปสร้างประโยชน์ได้

“แต่หลังการเลือกตั้งแล้ว ปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณา คือความปกติของการเมืองและความสงบของบ้านเมือง ทุกวันนี้ผมยังถูกถาม และคอยถามผู้ใหญ่ทางการเมืองเช่นกันว่า เลือกตั้งแล้วบ้านเมืองจะสงบหรือไม่ จะเลิกขัดแย้งกันได้หรือไม่ ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากเห็นคือ เลือกตั้งแล้วจบ สงบ ไม่สร้างปัญหา”

นอกจากนี้ เทวัญมักเปรียบการลงสนามการเมืองเหมือนกับการเล่นฟุตบอล เพราะนั่งเก้าอี้ “บิ๊กบอส” ทีมนครราชสีมา เอฟซี เฝ้าดูทีมรักลงซ้อม-ลงแข่ง และส่วนตัวชอบเล่นกีฬาทุกชนิดมาตั้งแต่เด็ก

ทว่าการเมืองในยุคนี้ อาจจะแตกต่างกับฟุตบอล เนื่องจาก “กรรมการ” ลงมาเล่นด้วย โดยเทวัญเชื่อว่า “การที่กรรมการเข้าข้างอาจจะมีบ้าง แต่คงไม่ทั้งหมด ยกตัวอย่าง ทีมสวาทแคท - นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ในไทยลีก ไปแข่งกับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ทีมระดับโลกกรรมการคงไม่ช่วยอะไร”

“สิ่งที่ทำได้คือ ตัวเราเอง ทำนองเดียวกันในการเลือกตั้ง หากกรรมการจะเข้าข้างใครคงไม่ทุกเขต อีกอย่างเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าถึง ประชาชนสามารถถ่ายทอดได้หมด คนที่จะทำต้องคิดหนัก และผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งยุคนี้น่าจะโปร่งใส”

ส่วนการส่งผู้รับสมัคร ส.ส.ชาติพัฒนายังเน้นฐานที่มั่นเดิม โฟกัสไปที่ จ.นครราชสีมา เมืองย่าโม ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่มี ส.ส. ลำดับ 2 รองจาก กทม. พื้นที่ความหวังมีอยู่ 3 เขต คือ เขต1 เขต 2 และเขต 3 ส่วนพื้นที่ ที่เหลือก็ต้องวัดดวง เพราะอย่าลืมว่าชาติพัฒนาเคยกวาด ส.ส. โคราชเข้าพรรคมาแล้ว 11 ที่นั่ง

“หากคิดเล่นๆหากชาติพัฒนาได้ส.ส. จ.นครราชสีมา เต็มพิกัด จะส่งผลให้พรรคได้ ส.ส.เข้าสภา รวมระบบเขตและบัญชีรายชื่อ 25 ที่นั่งเป็นขั้นต่ำเหมือนกัน ซึ่งสนามเลือกตั้งโคราชผมยังบอกไม่ได้หรอกว่าพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย พรรคไหนแข็งกว่ากัน หลายพรรคจึงหมายมั่นปั้นมือยึดโคราช หากยึดได้ก็เหมือนยึดอีสานทั้งภาค”

เมื่อชาติพัฒนาชักธงรบโดยมี “เทวัญ” เป็นผู้นำ ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ก็ต้องวัดฝีมือว่าจะสร้างนำพาพรรคเก่าแก่เข้าวินได้ ส.ส.กี่เก้าอี้