‘ตลาดเซ็กเมนท์จีน’ ตัวแปรปลุกรายได้เที่ยวไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เล็งเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มเฉพาะทางของจีน หวังกระตุ้นนักเที่ยวแดนมังกร หลังตัวเลขมาเยือนไทยหด 3 เดือนติด จากเหตุเรือล่มภูเก็ต
ในขณะที่การท่องเที่ยวของไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง หลังเกิดเหตุเรือเฟอร์รีล่มที่คร่าชาวจีนหลายสิบชีวิตเมื่อช่วงกลางปี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงเตรียมกระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวกลุ่มเฉพาะทางช่วงโค้งสุดท้ายเพิ่มอีก เพื่อให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนไทยและรายได้เข้าประเทศในปีนี้เป็นไปตามเป้า
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการททท. เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า จากการประเมินสถานการณ์ล่าสุด ททท. มั่นใจว่าช่วง 2 เดือนที่เหลือนี้ ตัวเลขทั้งในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยตลาดจีนนั้นคาดว่าตัวเลขน่าจะอยู่ที่ 10.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มี 9.8 ล้านคน ตลาดโซนอื่นๆ ก็เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดในแถบยุโรป สแกนดิเนเวีย
เพื่อสร้างการเติบโตด้านรายได้ที่ชัดเจนขึ้น ททท. จึงมีแผนเน้นทำการตลาดเซ็กเมนท์มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดบนที่มีอัตราการใช้จ่ายต่อหัวสูง และเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก
“ภาพรวมตลาดแมสการท่องเที่ยวของเราน่าจะเติบโตกว่านี้ได้ไม่มาก เราจึงจะไปเน้นเซ็กเมนท์เฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาไทยเพื่อดูแลสุขภาพ (เฮลธ์แอนด์เวลเนส) มากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะการรักษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตรวจสุขภาพทั่วไปด้วย และเซ็กเมนท์ท่องเที่ยวเพื่อทำกิจกรรมกีฬาต่างๆ ซึ่งชาวจีนสนใจกีฬาวิ่งมาราธอนและมวยไทยอย่างมาก”
ยุทธศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เฮลธ์แอนด์เวลเนสเป็นเซ็กเมนท์ที่มีโอกาสดึงดูดรายได้เข้าประเทศได้สูง เนื่องจากเมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาเพื่อตรวจสุขภาพ เช่น ทำฟัน ก็อาจต้องพำนักอยู่ในไทยนานขึ้น และทำให้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ผู้ว่าการ ททท. ตั้งข้อสังเกตว่า บรรยากาศงาน China International Travel Mart (CITM) 2018 ซึ่งจัดขึ้นในนครเซี่ยงไฮ้ ระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย. ค่อนข้างเงียบเหงากว่าปีที่แล้ว อาจเป็นผลจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนในขณะนี้ สำหรับงานดังกล่าว ททท. ได้นำผู้ประกอบการของไทยกว่า 50 ราย ไปนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน
กระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ
ยุทธศักดิ์ ระบุด้วยว่า ททท. จะเน้นการบริหารความเสี่ยงด้วยการกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในประเทศ หรือ “ไทยเที่ยวไทย” ให้มีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด
ททท. คาดการณ์ว่า สิ้นปีนี้ ไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 38 ล้านคน และมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวทั้งหมดรวมที่ 3.02 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 3 ล้านล้านบาทเล็กน้อย แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 2.02 ล้านล้านบาท และในประเทศ 1 ล้านล้านบาท
“รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนและรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศมีสัดส่วนเท่ากันที่ประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้ท่องเที่ยวทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ” ยุทธศักดิ์เผย
นอกจากนั้น ททท. จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดประเทศในอาเซียน รวมถึงตลาดเอเชียตะวันออกที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สถิติของททท. ระบุว่า ในปี 2560 มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเป็นอับดับ 1 จำนวนประมาณ 9.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 11% สร้างรายได้ประมาณ 5.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 16% เมื่อเทียบจากสถิตินักท่องเที่ยวในปี 2559 มีการใช้จ่ายประมาณ 6,395 บาทต่อคนต่อวัน และมีวันพักเฉลี่ยประมาณ 8 วัน โดยแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร พัทยา (ชลบุรี) ภูเก็ต เชียงใหม่ และ กระบี่
ผลพวงเรือล่มภูเก็ต
เมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุเรือเฟอร์รีที่บรรทุกนักท่องเที่ยวชาวจีนเกือบทั้งหมดล่มในจ.ภูเก็ต ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต 47 คน นับตั้งแต่นั้นมา จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยก็ลดลง 3 เดือนติดต่อกัน โดยเฉพาะเดือนต.ค. เป็นเดือนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ในเดือนต.ค. นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงถึง 20% หรือ 160,000 คนเทียบกับปี 2560 และในเดือนส.ค. และก.ย. นักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทยลดลง 12% และ 15% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว
สถิติของทางการไทย เผยให้เห็นว่า ในช่วง 3 เดือนดังกล่าว ตัวเลขการใช้จ่ายหดหายไปประมาณ 476 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.5 หมื่นล้านบาท)
นักท่องเที่ยวชาวจีนคิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวในไทยในแต่ละปี โดยมีที่พักชายหาดราคาถูก อาหารที่ขึ้นชื่อ และชีวิตกลางคืนในกรุงเทพมหานครเป็นปัจจัยดึงดูดสำคัญ
ก่อนหน้านี้ ไทยเคยประสบกับภาวะวิกฤติการท่องเที่ยวภายหลังเหตุระเบิดในปี 2558 ใจกลางกรุงเทพมหานคร และการรัฐประหารเมื่อปี 2557
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หรือ “พาต้า” (PATA) ซึ่งเป็นตัวแทนธุรกิจหลายร้อยรายทั่วภูมิภาคนี้ เผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า การที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงติดต่อกัน 2-3 เดือนเป็น “สัญญาณเตือน” สำหรับผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในไทย เพราะทำให้ภาคการท่องเที่ยวต้องหันมาทบทวนเรื่องการพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป
“หลายคนมัวคิดแต่จะดึงนักท่องเที่ยวชาวจีนมากเกินไป” เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าว และคาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะฟื้นกลับมาในที่สุด
หลังโศกนาฏกรรมในภูเก็ต รัฐบาลไทยได้ออกนโยบายจูงใจมากมายที่มุ่งเป้ากู้คืนความเชื่อมั่นและทำให้การเดินทางง่ายขึ้น อย่างสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ได้ยกเว้นให้นักท่องเที่ยวจีนไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรามูลค่า 60 ดอลลาร์ ตั้งแต่เดือนนี้ ถึงกลางเดือนม.ค. ปีหน้า