WHA กำไร Q1/67 เพิ่ม 161% แตะ 1,364 ล้านบาท ธุรกิจนิคมชูโรง
บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เผยผลการดำเนินงาน Q1/67 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 3,929.9 ล้านบาท เพิ่ม 61% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หลังธุรกิจนิคมชูโรงยอดเพิ่มเป็นเท่าตัว ขณะที่กำไรสุทธิเท่ากับ 1,364.9 ล้านบาท เพิ่ม 161%
นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 3,929.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,364.92 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ 3,776.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 1,284.4 ล้านบาท
กลุ่ม WHA เป็นผู้นำในการให้บริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านโลจิสติกส์ จำแนกส่วนธุรกิจได้เป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์, ธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม, ธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน และธุรกิจดิจิทัล (Digital Business) อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีนโยบายในการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ฯ และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของกองทรัสต์ฯ และกองทุนรวมฯ อีกทั้งมีนโยบายลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผ่านการลงทุนในกองทรัสต์ฯ และ/หรือกองทุนรวม
สำหรับรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร และกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 เท่ากับ 3,929.9 ล้านบาท และ 1,364.9 ล้านบาท ตามลำดับ ประกอบด้วยผลประกอบการปกติ และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลกำไร/ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น (Unrealized Gain/Loss)
หากพิจารณาผลประกอบการปกติ บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ และกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ สำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 เท่ากับ 3,776.4 ล้านบาท และ 1,284.4 ล้านบาท ตามลำดับ โดยบริษัทรับรู้ผลกระทบสุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นผลกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้น (Unrealized Gain) เท่ากับ 80.5 ล้านบาท
ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมซึ่งไตรมาส 1/2567 โดดเด่นที่สุดในกลุ่มธุรกิจมียอดการโอนที่ดินสูงขึ้นมากกว่าสองเท่าตัวจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอานิสงส์จากการย้ายฐานการลงทุนและการผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายที่ดินรวม 629 ไร่ (ไทย 575 ไร่ / เวียดนาม 55 ไร่) และยอดลงนาม MOU รวม 715 ไร่ (ไทย 669 ไร่ / เวียดนาม 46 ไร่) ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 12567 บริษัทฯ มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้า (Backlog) สูงถึง 1,087 ไร่ (ไทย 1,052 ไร่ / เวียดนาม 34 ไร่)
ปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายที่ดินเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับลูกค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่จากประเทศจีน ปัจจุบัน บริษัทฯ มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งประเทศไทยและเวียดนามทั้งหมด 77,600 ไร่ รวมพื้นที่ซึ่งเปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา
โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทยจำนวน 12 แห่ง อีกทั้งยังมีโครงการพัฒนานิคมฯ ใหม่และขยายนิคมฯ รวม 7 โครงการ บนพื้นที่รวมเกือบ 10,000 ไร่ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,000 ไร่ ในปี 2570
ทั้งนี้โครงการใหม่ล่าสุดได้แก่ โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (3,400 ไร่) บริษัทฯ ดาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในสิ้นปี 2567 นี้
สำหรับประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีเขตอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้วและกำลังพัฒนารวม 22,815 ไร่ (3,650 เฮกตาร์) ประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 - เหงะอาน ซึ่งเฟส 1 มีผู้เช่าเกือบเต็มพื้นที่แล้ว และเฟส 2 ซึ่งมีลูกค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ได้เช่าพื้นที่ไปแล้วรวมกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่เฟส 2
จากความสำเร็จของทั้ง 2 เฟส บริษัทฯ จึงเร่งพัฒนาเฟส 3 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตคาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายเขตอุตสาหกรรมใหม่อีก 3 โครงการในจังหวัด Thanh Hoa และ Quang Nam ด้วยเช่นกัน
ต้นทุนทางการเงิน สำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 เท่ากับ 341.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักประมาณ 0.24% จาก 3.00% ในไตรมาส 1 ปี 2566 เป็น 3.24% ในไตรมาส 1 ปี 2567
บริษัทฯ มีกำไรสุทธิและกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Net Profit and Normalized Net Proft) สำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 เท่ากับ 1,364.9 ล้านบาท และ 1,284.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161.1% และ 154.3%ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจที่ดิน ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจไฟฟ้า และธุรกิจการให้เช่าและบริการ
