‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘แข็งค่า’ ที่ 32.90 บาทต่อดอลลาร์

‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘แข็งค่า’ ที่ 32.90 บาทต่อดอลลาร์

ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ดอลลาร์ปรับอ่อนค่า ขณะที่คาด กนง. คงดอกเบี้ยในวันนี้ และส่งสัญญาณขึ้นปลายปีนี้ หนุนบาทมีทิศทางแข็งค่าขึ้น

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.90 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจาก 33.07 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน ในคืนที่ผ่านมา แม้ตลาดการเงินจะฟื้นตัว แต่ก็กลับถูกกดดันด้วยเรื่องใหม่อย่าง ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเร็ว โดยล่าสุดน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวลงถึง 7% ซึ่งถือเป็นการอ่อนตัวแรงที่สุดในรอบ3 ปี ส่งผลให้บอนด์ยิลด์สหรัฐปรับตัวลงตามทันที

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าซ้ำหลังจากที่ค่าเงินยูโรและปอนด์ ปรับตัวขึ้นบนความหวังว่าการเจรจา Brexit จะสามารถหาข้อสรุปได้ในที่สุด

วันนี้ ต้องจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินไทย (กนง.) ซึ่งคาดว่าจะ “คง” ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่และเราคาดไว้ แม้จะมีบางส่วนมองว่า กนง. อาจเซอไพรซ์ตลาดด้วยการ “ขึ้น” ดอกเบี้ยทันทีในช่วงที่ตัวเลขเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง แต่เราคิดว่า ด้วยภาพระยะสั้นที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง และการส่งออกที่ชะลอตัว จะส่งผลให้ธปท.เลือกที่จะปรับนโยบายการเงินในช่วงสิ้นปีเนื่องจากน่าจะมีความผันผวนน้อยกว่านี้

สำหรับค่าเงินบาท มองว่าวันนี้มีโอกาสแข็งค่าขึ้นจากทั้งดอลลาร์และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเป็นบวกกับภาพเศรษฐกิจโลก เช่นเดียวกับกนง.ที่มีการประชุมวันนี้ ก็คาดว่าจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยปลายปี หนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นด้วยเช่นกัน

มองกรอบค่าเงินบาทวันนี้ 32.85-33.00 บาทต่อดอลลาร์

นักบริหารเงินธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นในวันนี้ ตามเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ โดยดัชนีดอลลาร์(DXY) ปรับตัวลดลงจากจุดสงสดของปีนี้ สู่ระดับ 97จุด  หลังค่าเงินยูโรและค่าเงินปอนด์ต่างแข็งค่าขึ้น บนความหวังว่าการเจรจาBrexit จะสามารถได้ข้อตกลงภายในสิ้นปีนี้  

อย่างไรก็ดี แม้ว่าทั้งฝั่งตัวแทนของEUและตัวแทนจากอังกฤษจะสามารถร่างข้อตกลงBrexit ขึ้นมา ทว่าร่างข้อตกลงดังกล่าวยังต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีของอังกฤษ และผ่านความเห็นชอบของHouse of Commons ซึ่งอาจจะค่อนข้างยากที่จะผ่านความเห็นชอบจากHouse of Commons ได้เนื่องจาก เสียงของฝ่ายรัฐบาลเองมีไม่ถึง51% (ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงราว 48%)  โดยหากข้อตกลงดังกล่าวไม่ผ่านความเห็นชอบจากฝั่งการเมืองของอังกฤษ อาจจะทำให้ตลาดกลับมากังวลความเสี่ยงการเจรจาBrexit มากขึ้นและกดดันค่าเงินปอนด์ได้  

นอกจากนี้ ความเสี่ยงร่างงบประมาณของอิตาลียังดูไม่แน่นอน หลังรัฐบาลอิตาลียังคงยืนกรานใช้การขาดดุลงบประมาณและคงตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจ แม้ว่าทางคณะกรรมาธิการยุโรป(European Commission) จะประท้วงร่างงบประมาณดังกล่าวก็ตาม ทำให้รัฐบาลอิตาลีเสี่ยงที่จะถูกปรับ หากไม่ดำเนินการแก้ไขตามที่คณะกรรมาธิการยุโรปร้องขอมา  

สำหรับวันนี้ มองว่าตลาดจะยังคงอาจเปิดรับความเสี่ยงได้บ้าง หลังความหวังการเจรจาการค้าจีนกับสหรัฐฯเริ่มกลับมาอีกครั้ง  อย่างไรก็ดี เชื่อว่าตลาดจะไม่รีบเปิดรับความเสี่ยงมากนัก จนกว่าจะรู้ผลการเจรจาการค้าดังกล่าวก่อน 

ในวันนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสที่3จะปรับตัวลดลงหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคเอกชนในไตรมาสก่อนหน้า  อย่างไรก็ดีคาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะสามารถขยายตัวได้ราว 1% ในปีนี้และปีหน้า  นอกจากนี้ ตลาดจะให้ความสนใจตัวเลขเศรษฐกิจของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ยอดการลงทุนเอกชน รวมทั้งยอดการผลิตอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจจีนได้ โดยตัวเลขที่แย่กว่าคาดอาจกดดันบรรยากาศการลงทุนโดยรวม

ฟากตลาดการเงินไทย มองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ต่อ นอกจากนี้ตลาดจะจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ซึ่งถ้าหากเสียงโหวตขึ้นยังคงมีอยู่ 2เสียง อีกทั้งยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อความในผลการประชุม อาจมองได้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยมีโอกาสที่จะไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ แล้วไปขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าแทน  

มองกรอบค่าเงินบาทวันนี้อยู่ที่ 32.80-32.95 บาทต่อดอลลาร์