ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสร่วงลง11วันติด
หลังโอเปกประกาศเตรียมลดกำลังการผลิตน้ำมันวันละ 1 ล้านบาร์เรลเริ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ปิดตลาดวันจันทร์ (12พ.ย.)ตามเวลาสหรัฐ ปรับตัวลง26 เซนต์ ปิดที่ราคา 59.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ถือเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน11วันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อกว่า3ทศวรรษ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวลง 6 เซนต์ ปิดตลาดที่ 70.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า กลุ่มโอเปกและผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปกเห็นพ้องกันว่า ควรมีการปรับลดการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอ
ราคาน้ำมันดิ่งลง 20% ในเดือนที่แล้ว เพราะผลพวงจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันในตลาด รวมทั้งอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงจากจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สหรัฐผลิตน้ำมัน 11.6 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่ารัสเซีย จนทำให้สหรัฐเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลกขณะนี้ และคาดว่าจะผลิตน้ำมันมากกว่า 12 ล้านบาร์เรล/วันในกลางปีหน้า
ด้านรัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย และบราซิลได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตเช่นกัน ขณะที่อิรัก, อาบูดาบี และอินโดนีเซียส่งสัญญาณการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในปีหน้า
ทั้งนี้ สหรัฐ รัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย สามารถผลิตน้ำมันรวมกันมากกว่า 33 ล้านบาร์เรล/วันเป็นครั้งแรกในเดือนต.ค. ทำให้สามารถรองรับความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกถึง 1 ใน 3 ของปริมาณการบริโภคน้ำมันเกือบ 100 ล้านบาร์เรล/วัน
ราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันจากการที่สหรัฐประกาศผ่อนผันให้ 8 ประเทศยังคงสามารถนำเข้าน้ำมันอิหร่านต่อไป
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเกิดจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และอาจกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่ความอ่อนแอของค่าเงินเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจของหลายประเทศในเอเชีย