'ภราดร-กรวีร์' เผยเหตุซบ 'ภูมิใจไทย' เป็นสถาบันการเมืองในอนาคต

'ภราดร-กรวีร์' เผยเหตุซบ 'ภูมิใจไทย' เป็นสถาบันการเมืองในอนาคต

“ภราดร-กรวีร์” ออกจากพรรคชาติไทยพัฒนา ซบ “ภูมิใจไทย” เผยเป็นสถาบันการเมืองในอนาคต พร้อมเป็นทีมรุ่นใหม่นำพรรคสู้เลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 12 พ.ย.61 นายภราดร ปริศนานันทกุล และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล อดีตสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย นายภราดร กล่าวถึงเหตุผลการย้ายพรรคว่า อันดับแรกต้องขอถือโอกาสขอบคุณพรรคชาติไทยพัฒนา ตลอดระยะเวลา 10 ปีทีให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับตน ตนอยู่กับนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย มาตั้งแต่ปี 2550 โดยเฉพาะนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล คุณพ่อ อดีตแกนนำพรรคชาติไทย ซึ่งอยู่กับพรรคมากว่า 30 ปี ดังนั้น พวกเรามีความผูกพัน และรู้สึกเป็นบุญคุณที่พรรคชาติไทยหยิบยื่นโอกาสให้พวกเรามาโดยตลอด ส่วนเหตุผลที่จำเป็นต้องย้ายพรรค ต้องบอกว่า สำหรับนักการเมืองไม่มีใครอยากย้ายพรรค แต่ด้วยเหตุผลของคุณพ่อที่บอกกับสื่อไว้ว่า จำเป็นต้องออกจากพรรค เพราะเป็นห่วงพรรค ไม่อยากเห็นพรรคล้มละลายหรือถูกยุบเพราะตัวท่าน ดังนั้นท่านจึงจำเป็นต้องเดินออกมา

“เมื่อคุณพ่อเห็นว่าตัวเองควรจะเดินออกมาเพื่อรักษาพรรคไว้ ผมในฐานะลูกก็เข้าใจความรู้สึกพ่อ และไม่อยากทำให้พ่อต้องรู้สึกอึกอัด เพราะเรารู้จักพ่อดี ถ้าเรายังอยู่ที่เดิม คนเป็นพ่ออย่างนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เมื่อถึงเวลาที่ปี่กลองดัง และด้วยจิตวิญญาณของนักการเมือง ผมเชื่อว่าคุณพ่อคงปฏิเสธตัวเองไม่ได้และเดินเข้าไปที่พรรค และสุดท้ายอาจเป็นเป้าทางการเมือง และนำไปสู่การยุบพรรค ซึ่งถ้าไปถึงจุดนั้น พวกเราปริศนานันทกุล ตอบคำถามสังคมไม่ได้ คงรู้สึกผิดไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต จึงเป็นเหตุผลที่วันนี้ พวกผมต้องมาขอบารมีของท่านอนุทิน” นายภราดรกล่าว

ด้านนายกรวีร์ กล่าวเสริมว่า ตนได้ปรึกษาหารือกับคุณพ่อ ต้องบอกว่าที่บ้านของเราไม่มีการบังคับ นับแต่วันแรกตนและนายภราดร ตัดสินใจทำงานการเมืองก็เกิดจากการสมัครใจของเราทั้งคู่ ส่วนการตัดสินใจว่าจะไปอยู่พรรคไหน คุณพ่อแค่บอกว่า “เขาออกมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา ส่วนลูกสองคนจะไปอยู่ที่ไหนก็ให้เป็นการตัดสินใจของพวกเราทุกคน” ซึ่งเมื่อเราได้รับทราบถึแนวทาการทำงานของพรรคภูมิใจไทย เรามีความตั้งใจทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมือง ไม่ใช่พรรคที่เป็นเพียงการนำส.ส.เข้ามาสู่สนามเลือกตั้ง แล้วก็จบกันไป แต่แนวทางของพรรคภูมิใจไทย คือผลักดันนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ซึ่งปัจจุบันคิดว่า ควรหมดคำถาม ที่ถามว่าจะไปอยู่พรรคทหาร หรือไม่พรรคทหาร แต่ควรปัญหาปากท้องของประชาชน มาเป็นตัวตั้ง ซึ่งก็ตรงกับแนวทางของพรรคภูมิใจไทย พวกเราสองคนเป็นคนหนุ่ม คิดว่าเราจะมาช่วยเหลือและทำงานรับใช้พรรคผลักดันพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองในอนาคตให้ได้