ราคาน้ำมันดิบร่วงต่อเนื่อง-ตลาดเข้าสู่ภาวะหมี
สัญญาน้ำมันดิบ ปิดตลาดวันศุกร์ (9พ.ย.)ตามเวลาสหรัฐ ยังคงปรับตัวลงในวันนี้ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่ตลาดน้ำมันสหรัฐเข้าสู่ภาวะหมี
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ปรับตังลง 48 เซนต์ ปิดที่ราคา 60.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 39เซนต์ ปิดที่ 70.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.เป็นต้นมา ราคาน้ำมันทรุดลงมากกว่า 20% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด และความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้นเพียง 2.4 ล้านบาร์เรล ส่วนสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (เอพีไอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 7.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ อีไอเอ ยังระบุว่า สหรัฐผลิตน้ำมัน 11.6 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่ารัสเซีย จนทำให้สหรัฐเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลกขณะนี้ และคาดว่าจะผลิตน้ำมันมากกว่า 12 ล้านบาร์เรล/วันในกลางปีหน้า
ด้านรัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย และบราซิลก็ได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตเช่นกัน ขณะที่อิรัก, อาบูดาบี และอินโดนีเซียส่งสัญญาณการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในปีหน้า
ทั้งนี้ สหรัฐ รัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย สามารถผลิตน้ำมันรวมกันมากกว่า 33 ล้านบาร์เรล/วันเป็นครั้งแรกในเดือนต.ค. ทำให้สามารถรองรับความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกถึง 1 ใน 3 ของปริมาณการบริโภคน้ำมันเกือบ 100 ล้านบาร์เรล/วัน
ราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันจากการที่สหรัฐประกาศผ่อนผันให้ 8 ประเทศยังคงสามารถนำเข้าน้ำมันอิหร่านต่อไป
รัฐบาลสหรัฐประกาศรายชื่อ 8 ประเทศที่ได้รับการผ่อนผันให้ยังคงสามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย อิตาลี กรีซ และตุรกี ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.
ทั้งนี้ สหรัฐบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน โดยมีผลกับภาคธุรกิจพลังงาน ธนาคาร การต่อเรือ และการขนส่งทางเรือ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกดดันให้อิหร่านยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ รวมทั้งยุติการสนับสนุนต่อกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลาง
ก่อนหน้านี้ สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้เขาสามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเกิดจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และอาจกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่ความอ่อนแอของค่าเงินเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจของหลายประเทศในเอเชีย