'เฟด' คงดอกเบี้ยฉุดแนสแด็ก-เอสแอนด์พี500 ดิ่ง

'เฟด' คงดอกเบี้ยฉุดแนสแด็ก-เอสแอนด์พี500 ดิ่ง

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี500 และดัชนีแนสแด็กปิดในแดนลบ หลัง "เฟด" มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กของสหรัฐ ปิดการซื้อขายวันพฤหัสบดี (8 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ปิดที่ 26,191.22 จุด เพิ่มขึ้น 10.92 จุด หรือ +0.04% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,806.83 จุด ลดลง 7.06 จุด หรือ -0.25% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 7,530.88 จุด ลดลง 39.87 จุด หรือ -0.53%

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้

ขณะนี้ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.00-2.25% ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551 ซึ่งเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว 8 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติในเดือนธ.ค. 2558

นอกจากนี้ เฟดยังได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. มิ.ย. และก.ย. ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้ ส่วนในปีหน้า เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง และอีก 1 ครั้งในปี 2563

แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนมีการขยายตัวในระดับสูง ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยอัตราว่างงานได้ปรับตัวลง ส่วนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก และความเสี่ยงอยู่ในระดับสมดุล ส่วนอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

อย่างไรก็ตาม เฟดได้ตั้งข้อสังเกตว่า การขยายตัวของการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ได้ชะลอตัวลงจากอัตราที่สูงในช่วงต้นปี

บรรดานักวิเคราะห์ซึ่งรวมถึงนางควินซี ครอสบี นักวิเคราะห์จากพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียลในรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า แถลงการณ์ของเฟดซึ่งระบุว่า การลงทุนในภาคธุรกิจชะลอตัวลงนั้น ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต และว่า สาเหตุที่บริษัทเอกชนชะลอการลงทุนนั้น มาจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน