รายย่อยยื่นศาลเบรกฟื้นฟู'ไอเฟค'

รายย่อยยื่นศาลเบรกฟื้นฟู'ไอเฟค'

รายย่อยร้องขอความเป็นศาลล้มละลายฯแตะเบรกกลุ่ม “หมอวิชัย” ดึงไอเฟคเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ทั้งๆที่มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับผู้ถือหุ้นกว่า 3 หมื่นราย

นางสาวเยาวลักษณ์ ฤทธิ์สมจิตต์ ในฐานะตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ได้รับความเดือดร้อนจากการลงทุน บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้(24ต.ค.) ผู้ถือหุ้นรายย่อย เจ้าหนี้หุ้นกู้และเจ้าหนี้ตั๋วแลกเงิน ของบริษัท ทำหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีที่นางสมศรี จีระวิพูลวรรณ ร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการบริษัท ซึ่งศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 29 ต.ค.นี้


จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เป็นเจ้าหนี้หุ้นกู้เทียมที่ถูกสร้างขึ้นมา มีความเชื่อมโยงอดีตกรรมการไอเฟค ซึ่งมีเจตนาไม่สุจริต มุ่งประวิงเวลา ขัดขวางการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นที่จะเลือกกรรมการชุดใหม่เข้ามาบริหารจัดการกิจการของบริษัทฯและบริษัทย่อย อีกทั้งมูลค่าทรัพย์สินของบริษัทฯยังมากกว่าหนี้สิน และมีโอกาสในทางธุรกิจ ยังไม่จำเป็นต้องยื่นฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง


“พวกเราเชื่อว่าคณะกรรมการชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของผู้ถือหุ้นโดยวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย มีความสามารถที่จะบริหารจัดการบริษัทฯ ให้กลับมาแข็งแกร่งและสามารถชำระนหี้ให้กับเจ้าหนี้ทั้งหลายได้ ดังนั้น จึงขอกราบเรียนท่านอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลางได้โปรดตรวจสอบเพื่อที่จะให้ความเป็นธรรมกับผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้สวนเสียกว่า 3 หมื่นรายของบริษัทฯด้วย”
สำหรับประเด็นที่ผู้ถือหุ้นร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลาย เพื่อคัดค้านการขอให้ฟื้นฟูกิจการไอเฟค ประกอบด้วย 5 ประเด็นคือ 1.ผู้ร้องไม่มีอำนาจยื่นคำร้องและใช้สิทธิโดยไม่สุจริต แอบอ้างสิทธิหุ้นกู้เพื่อบิดเบือนเจตนาของกฎหมายฟื้นฟูกิจการ และมีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการบริหารของบริษัทฯ ซึ่งได้ถูกก.ล.ต. กล่าวโทษคดีอาญา และให้พ้นจากตำแหน่งบริหารของบริษัทฯ


ประเด็นที่ 2 บริษัทไม่มีเหตุที่จะต้องฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากบริษัทไม่ได้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ตามมาตรา 90/3 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย ดังที่ปรากฏจากงบการเงินประจำปี 2559 ที่รายงานต่อตลาดหุ้นฯ ระบุว่าบริษัท มีสินทรัพย์ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2559 รวม 12,630 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 9,343 ล้านบาท ซึ่งแสดงว่าบริษัทมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน


ประเด็นที่ 3.ผู้ร้องขอแต่งตั้งนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ เป็นผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ทั้งที่นายศุภนันท์ ถูกก.ล.ต. พิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับ โดยก.ล.ต. ได้มีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินคดีกับนายศุภนันท์ ต่อศาลแพ่ง ให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง และส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิดเป็นเงิน 31.96 ล้านบาท และก.ล.ต. มีคำสั่งให้นายศุภนันท์ฯ พ้นจากการเป็นกรรมการของบริษัทฯและไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนแห่งอื่น เป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.2561 เป็นต้นไป

4. บริษัทฯ มีปัญหาเกี่ยวกับจำนวนกรรมการที่ไม่ครบเป็นองค์ประชุม และ 5. การดำเนินการให้มีการจัดประชุมผุ้ถือหุ้นเพื่อแก้ไขปัญหาของบริษัทฯ การจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกตั้งกรรมการใหม่ตามมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนฯ เพื่อให้บริษัท มีจำนวนกรรมการครบเป็นองค์ประชุม จะเป็นวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และทำให้บริษัทฯ กลับมาประกอบธุรกิจปกติได้โดยเร็ว


นอกจากนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าผู้ถือหุ้นได้ใช้สิทธิเรียกประชุมผู้ถือหุ้นโดยอาศัยมาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 โดยการสนับสนุนของ ก.ล.ต. , ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งการขัดขวางย่อมเป็นการยาก จึงได้สมคบกันนำมายื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ


“ผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องขอขอบคุณกรรมการไอเฟคทั้ง 2 ท่าน คือ พล.ต.บุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ และนายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูมิ กรรมการที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งได้ทำหน้าที่ปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯแทนผู้ถือหุ้น ด้วยการเข้าไปตรวจสอบการดำเนินกิจการของไอเฟค แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ยังคงถูกขัดขวางการทำงานจากอดีตกรรมการไม่ให้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทย่อย เป็นเจตนาชี้ชัดว่าหวังครอบงำกิจการ"

รายย่อยยื่นศาลเบรกฟื้นฟู\'ไอเฟค\'