'วิษณุ' เผยหากสังคมไม่เห็นด้วยกับ 'พ.ร.บ.หมา-แมว' ถอนมติครม.ได้

'วิษณุ' เผยหากสังคมไม่เห็นด้วยกับ 'พ.ร.บ.หมา-แมว' ถอนมติครม.ได้

รัฐบาลเคลื่อนไหวแล้ว! "วิษณุ" เผยนายกฯห่วง "พ.ร.บ.หมา-แมว" สร้างภาระคนนำสัตว์ถูกทิ้งมาเลี้ยง ระบุถ้าถูกคุมมากคนจับปล่อยวัดจะยุ่งกันใหญ่ ชี้หากสังคมไม่เห็นด้วยถอนมติครม.ได้

เมื่อวันที่ 11 ต.ค.61 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ที่ผ่านความเห็นชอบของครม. ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้เสนอให้ครม.พิจารณา จึงควรชี้แจงรายละเอียดให้กับสังคมได้รับทราบ และคณะกรรมการกฤษฎีกายังต้องพิจารณาปรับแก้อีกมากและต้องใช้เวลานาน ไม่ได้มีผลบังคับใช้ในทันทีทันใด โดยในที่ประชุมครม. เมื่อ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ได้แสดงความเป็นห่วงเหมือนกันและได้กำชับด้วยว่า หากต้องการจัดระเบียบคนที่ชอบเอาหมาแมวมาเลี้ยงด้วยความเมตตา จนทำให้เพื่อนบ้านเดือดร้อนรำคาญและมีปัญหา นายกฯ ก็เป็นห่วงว่าถ้าจะต้องไปควบคุมว่าต้องเลี้ยงไว้กี่ตัว เลี้ยงไม่เกินกี่ตัวถึงจะต้องเสียภาษี และต้องขออนุญาตนั้น เขาจะต้องหาที่ไปปล่อย แล้วใครจะดูแล กทม. ดูแลไหวหรือไม่ ท้องถิ่นดูแลไหวหรือไม่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลไหวหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรได้มีรัฐมนตรีคนใดบ้างแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าว นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี เพราะไม่มีใครเดือดร้อนเนื่องจากเห็นว่าเรื่องยังต้องถูกส่งไปกฤษฎีกาพิจารณา และยังต้องมีการรับฟังความคิดเห็นก่อนด้วย ก่อนแล้วจึงส่งกลับเข้ามาครม.อีกครั้ง ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนและคาดว่าไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ ทั้งนี้ ตนเองที่บ้านก็เลี้ยงสุนัขอยู่หนึ่งตัว แต่เมื่อดูแล้วเชื่อว่ามันคงตายก่อนที่กฎหมายจะออก

เมื่อถามว่า มีรัฐมนตรีคนใดแสดงความคิดเห็นหรือไม่ว่าเรื่องดังกล่าวอาจเกิดเป็นปัญหาขึ้นได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี มีแต่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชี้แจงให้คณะรัฐมนตรีได้เข้าใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองที่เป็นคนพูดว่า อาจจะมีปัญหา ขอให้ไปดูที่สำนักงานกฤษฎีกาให้ดีว่าโทษเป็นอย่างไร และระบบการอนุญาตตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญที่ระบุอยู่ว่า ไม่ให้ใช้ระบบอนุญาตโดยไม่จำเป็น

"นายกฯ บอกว่ามีกฎหมายจัดระเบียบเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องระวังอย่าให้เป็นการสร้างภาระให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะคนที่เขาเมตตาสัตว์ เลี้ยงสัตว์และนำสัตว์มาไว้จำนวนมากเพื่อดูแลจากการทิ้งขว้าง ตรงนี้ปัญหาผลกระทบมันมี อาจทำให้เพื่อนบ้านรำคาญ เดือดร้อน เพราะหมาแมวส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว และที่สำคัญอาจเป็นบ่อเกิดของเชื้อโรคหากดูแลไม่ดี หรือจนกระทั่งต้องไปขอรับบริจาคอาหาร จะต้องระวังผลกระทบ แต่คล้ายกับว่าถ้ามีมากเกินไปจึงจะต้องถูกควบคุมตามกฏหมายนี้ แต่ปัญหาว่าจะต้องมากขนาดไหน และถ้าหากคนไม่อยากเลี้ยงแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นภาระหนัก แล้วเขาจะเอาไปไหน ถ้าเขาจะเอาไปปล่อยวัดเดี๋ยวก็จะยุ่งกันใหญ่ ต้องมีหน่วยราชการมารองรับสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย นายกฯก็บอกไว้แค่นั้น" นายวิษณุ กล่าว

เมื่อถามว่ารัฐบาลนี้ทิ้งทุ่นไว้ให้รัฐบาลหน้าหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีทุ่นอะไร เพราะถ้ารัฐบาลหน้าไม่ชอบก็นิ่งเฉยเอาไว้เสีย เหมือนกับรัฐบาลนี้ที่เฉยๆ ต่อกฎหมายของรัฐบาลก่อนก็หลายฉบับ แต่กฤษฎีกาก็ต้องตรวจไป เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่หากสังคมไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ ครม.ต้องพิจารณาถอนมติครม. ดังกล่าว นายวิษณุ กล่าวว่า ได้ เพราะที่ผ่านมาก็มีหลายฉบับ เนื่องจากเมื่อเข้ากฤษฎีกาแล้วมีการแก้ไขมาก ทางกระทรวงจึงเห็นว่าหากแก้ไขมากอย่างนี้ก็ไม่เอาดีกว่า อย่างนี้ก็มีมาแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาอย่างมากโดยเฉพาะพระสงฆ์เนื่องจากเกรงว่าจะมีคนนำหมาแมวมาปล่อยที่วัดจำนวนมาก นายวิษณุ กล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้ถือเป็นเจตนาดีของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่บางครั้งเราก็พูดกันไปโดยยังไม่ทันได้เห็นตัวกฎหมาย ดังนั้น จึงอยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องชี้แจงกับกฤษฎีกา

นายวิษณุ กล่าวในตอนท้ายด้วย ว่า จำไว้ว่ามาตรา 77 ไม่ใช่เป็นมาตราที่มีไว้เพียงแค่ฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างเดียว แต่ยังบอกไว้ในวรรค 2 วรรค3 ด้วยว่า ไม่มีการออกกฏหมายที่ต้องไปขออนุญาต เว้นแต่จะชี้แจงความจำเป็นได้ว่าทำไม ไม่มีกฏหมาย ที่ตั้งกรรมการสารพัดเพื่อท้วงเรื่องให้เสียเวลาและจะต้องไม่กำหนดโทษที่หนักเกินสมควร และถ้าจำเป็นมาตรา 77 ก็กำหนดไว้ประโยคแรกว่ารัฐพึงตรากฎหมาย เพียงเท่าที่จำเป็น ดังนั้น คำถามแรกคือจำเป็นอย่างไรจึงจะต้องออกกฎหมายนั้น ถ้าไม่จำเป็นก็ตีกลับไป ซึ่งมีกฎหมายหลายฉบับที่กฤษฎีกาเห็นว่าไม่ต้องออก