เลขาศาลฯ แจงเคสผู้พิพากษาสมทบเอี่ยวฉ้อโกงสหกรณ์

เลขาศาลฯ แจงเคสผู้พิพากษาสมทบเอี่ยวฉ้อโกงสหกรณ์

"เลขาฯ ศาลยุติธรรม" ระบุ ผู้พิพากษาสมทบลาออกแล้ว ย้ำคดีอาญาก็เป็นไปตาม ก.ม

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 ก.ย.61 ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 ภายหลังเป็นประธานร่วมพิธีเปิดแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลแพ่งกรุงเทพใต้แล้ว นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีมีผู้พิพากษาสมทบถูกดำเนินคดีกับนายพลตำรวจซึ่งถูกกล่าวหามีส่วนพัวพันในการฉ้อโกงสหกรณ์ จ.เลยว่า ที่ผ่านมาตนมีคำสั่งให้ข้าราชการศาลยุติธรรม 2 คนออกจากราชการไว้ก่อน ไม่ใช่ไล่ออก ส่วนผู้พิพากษาสมทบรายหนึ่งที่ได้ยื่นลาออกก็เป็นผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัว จ.เชียงใหม่ที่ไปพบพนักงานสอบสวน ซึ่งผู้พิพากษาสมทบไม่ได้เป็นข้าราชการประจำเหมือนข้าราชการศาล-ผู้พิพากษา แต่มาช่วยงานตามประเภทคดีเมื่อลาออกก็ไม่ได้ดำเนินการ ส่วนการดำเนินคดีอาญาก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนปกติของกฎหมาย ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องยื่นเสนอถอดถอน นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกาและพ้นจากตำแหน่งกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ต.) ในศาลฎีกา

นายสราวุธ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ในวันนี้ (20 ก.ย.) จะมีการส่งหนังสือให้นายชำนาญชี้แจงกรณีที่ถูกยื่นคำร้องขอถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง ก.ต. เมื่อนายชำนาญได้รับหนังสือก็จะส่งคำชี้แจงกลับมาในวันที่ 24 ก.ย.นี้ ซึ่งเมื่อตนได้รับเอกสารแล้วก็จะทำการปิดประกาศไว้ทุกศาลทั่วประเทศ ให้ผู้พิพากษาได้รับทราบถึงคำชี้เเจงของนายชำนาญ เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้พิพากษาที่มีสิทธิลงมติว่าจะลงมติถอดถอนนายชำนาญหรือไม่ ขณะนี้ได้เตรียมบัตรลงคะแนนไว้เพื่อจัดส่งเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการดำเนินการลงมติขอถอดถอนนั้น สำนักงานศาลยุติธรรมจะจัดส่งบัตรลงคะแนนให้กับผู้พิพากษาทั่วประเทศทางไปรษณีย์เพื่อลงมติว่าจะถอดถอนหรือไม่ถอดถอน แล้วส่งบัตรลงคะแนนกลับมายังสำนักงานศาลฯ ภายในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ซึ่งจะมีการนับคะแนนในวันที่ 26 ต.ค.นี้ โดยการถอดถอนได้นั้นจะต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งจากจำนวนผู้พิพากษาทั่วประเทศ ในส่วนขั้นตอนสอบข้อเท็จจริงนั้น คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ได้มีมติตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชั้นต้น ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ระยะเวลาการสอบสวนข้อเท็จจริงนั้นจะอยู่ 30-45 วัน ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวจะเริ่มมีการสอบสวนทันที เมื่อประธานศาลฏีกาได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ผ่านมา