องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ให้คะแนนปราบโกง 'ประยุทธ์' เต็มร้อย

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ให้คะแนนปราบโกง 'ประยุทธ์' เต็มร้อย

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ให้คะแนนปราบโกง "พล.อ.ประยุทธ์" เต็มร้อย ฟุ้งการดำเนินการขององค์กรตลอด 7 ปี ประหยัดงบรัฐได้ร้อยละ 25

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงาน 7 ปี องค์กรต่อต้านคอรัปชัน ว่า ในช่วง 7 ปีที่ทำงานมา แบ่งได้เป็น 2ช่วงคือก่อนที่จะมีรัฐบาลชุดนี้ ยอมรับว่าการขับเคลื่อนเรื่องการต่อต้านคอรัปชั่นทำได้น้อยมากเพราะได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลน้อย จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการคอรัปชันที่จำเป็นได้ แต่เมื่อมาในรัฐบาลชุดนี้ ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาล เนื่องจากภาครัฐเห็นความสำคัญขององค์กร ที่จะช่วยขับเคลื่อนการต่อต้านการทุจริต ซึ่งพยายามวางตัวเป็นกลาง จึงได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปรับปรุงในหลายเรื่องที่คิดว่าจำเป็น ที่จะเห็นว่าขณะนี้กระบวนการที่ทำมาสามารถทำให้การทุจริตคอร์รัปชันลดลงในระดับหนึ่ง ซึ่งหากเปรียบเทียบกับเมื่อหลายปีที่ผ่านมาจากผลการสำรวจ ยืนยันว่าการทุจริตคอร์รัปชันลดลง แต่ก็ยังไม่พอเพียงจึงต้องดำเนินการอีกมากที่จะไม่ให้มีผลเสียต่อเศรษฐกิจและสังคมต่อไปในอนาคต

นายประมนต์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์การเรียกรับเงินใต้โต๊ะจากอดีตที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปัจจุบันพบว่ามีแนวโน้มลดลงมาก ทำให้ตระหนักรู้ว่ามีการตรวจสอบเพิ่มมากขึ้น แต่หากระบบการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันอ่อนแอลงเมื่อใดคนที่จะทุจริตก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อถามว่ารัฐบาลชุดนี้มีโครงการก่อสร้างมากมาย องค์กรได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบอย่างไรบ้างนายประมนต์ กล่าวว่าได้ร่วมตรวจสอบในโครงการสำคัญต่างๆ ซึ่งมีบุคลากรที่เรียกว่าผู้สังเกตการณ์ ที่ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน มีความรู้ มีประวัติที่น่าเชื่อถือและผ่านการอบรม ฉะนั้นจึงยังขาดบุคลากรในส่วนรี้อยู่พอสมควร แต่เบื้องต้นอวค์กรสามารถดำเนินการจนทำประหยัดงบประมาณในภาครัฐได้ถึงร้อยละ 25

เมื่อถามว่าให้คะแนนความจริงใจของรัฐบาลนี้ในการร่วมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันเมื่อเทียบกับรัฐบาลที่ผ่านมากี่คะแนน นายประมนต์กล่าวว่า ตนขอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เต็มร้อย แต่ยอมรับว่ายังมีบุคคลใกล้ตัว หลายคนที่สังคมตั้งข้อสงสัย ซึ่งเป็นปัญหาส่วนหนึ่งและปัญหาอีกส่วนคือระบบราชการ ที่เมื่อมีและนโยบายอย่างหนึ่งอย่างใดออกมาแล้วการขับเคลื่อนยังไม่ราบรื่น เพราะระบบราชการไทยมีข้อจำกัดและเงื่อนไขพอสมควร ทำให้หลายเรื่องที่องค์กรพยายามจะเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลาพอสมควร

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการตรวจสอบนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีความล่าช้านายประมนต์ กล่าวว่า ได้พยายามเร่งรัดและหาทางดำเนินการกับ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้โดยตรง จึงขอสื่อมวลชนช่วยติดตามเรื่องกับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าเหตุใดจึงมีความล่าช้า โดยทางองค์กรได้ส่งหนังสือทวงถามไปแล้วหนึ่งครั้งและระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนของการติดตามผล

"ส่วนนาฬิการหรูจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลหรือไม่นั้น ผมเห็นว่าสังคมได้สะท้อนความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว ขณะนี้ทำได้เพียงรอผลอย่างเป็นทางการจากทางป.ป.ช. ซึ่งป.ป.ช.ยังไม่ได้ระบุเวลาที่แน่ชัด"นายประมนต์ กล่าว