ป.ป.ท. เตรียมใช้สิทธิ์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง มั่นใจไม่กระทบการทำงาน พร้อมลุยสอบทุจริตต่อเนื่องจนครบเกษียณอายุราชการ ขณะที่บอร์ด ป.ป.ท. ยันคัดเลือกเก้าอี้เลขาธิการ สัปดาห์หน้าลงพื้นที่จ.เลยทวงคืนที่ดิน 2,700 ไร่ กลับเป็นสมบัติชาติ
พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาการธิ ป.ป.ท. กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า ขั้นตอนการประชุมเพื่อคัดเลือกและเสนอชื่อเลขาธิการป.ป.ท.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากคณะกรรมการปป.ป.ท. ไม่ได้ทำหนังสือเชิญรักษาการเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือเลขาธิการ (ป.ป.ช.) เข้าร่วมประชุมว่า คำพิพากษาดังกล่าวมีผลให้เพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ท. ในการคัดเลือกตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ท. ทำให้ตนไม่ได้รับการรับรอง ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อตนเอง จึงจะใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ตามกฏหมาย โดยจะครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ภายในวันที่ 16 ก.ย.นี้ ขณะนี้กำลังศึกษาคำพิพากษายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะยื่นอุทธรณ์ในประเด็นใดบ้างต้องรอที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ท. ที่จะยื่นอุทธรณ์ในเรื่องดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนยังสามารถทำงานได้ตามปกติและมีกำลังใจในการทำงานเต็มที่ โดยคำพิพากษาไม่มีผลกระทบต่อการทำงาน และคำพิพากษายังชี้ว่าตนเป็นผู้สุจริต ยิ่งเป็นการคุ้มครองการทำงานของตน และยืนยันว่าจะยังคงทำงานในตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ท.ในสโลแกนลุยก่อนลงจนถึงวันเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.นี้
พ.ท.กรทิพย์ กล่าวถึงการตรวจสอบสภาพปัญหาการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบในพื้นที่เขา อ.ภูเรือ จ.เลยจำนวน 2,700 ไร่ ว่า เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อปี 2560 โดยขณะไต่สวน ป.ป.ท.ได้รับเบาะแสเพิ่มเติมมาว่ามีพื้นที่แปลงใหญ่ จำนวน 2,700 ไร่ ในอำเภอภูเรือถูกนำมาออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ โดยมีการนำหลักฐานเป็น สค.1 จากอำเภอด่านซ้ายมาออกเอกสารสิทธิ์ในอำเภอภูเรือ ซึ่งเป็นการใช้เอกสารสิทธิ์จากพื้นที่อื่นมาสวมทับที่ดินสาธารณะประโยชน์ จากนั้นนำมาออกโฉนดเป็นนส.3 ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นคดีอาญาได้ขาดอายุความลงแล้ว ไม่สามารถเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐได้ แต่ก็ยังสามารถเรียกคืนที่ดินกลับมาเป็นสมบัติของชาติ โดยตนจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบด้วยตนเองในวันที่ 27 ส.ค.นี้ เพื่อส่งเรื่องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำเนินการส่งเรื่องไปยังกรมที่ดินให้พิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิ์พื้นที่ 2,700 ไร่ที่ออกโดยมิชอบคืนให้กับชาติต่อไป
แหล่งข่าวจากป.ป.ท. เปิดเผยว่า ในวันนี้มีการประชุมคณะกรรมการป.ป.ท. ฝ่ายกฎหมายได้นำเสนอวาระให้พิจารณายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางไปยังศาลปกครองศูนย์สุดโดยยืนยันว่าขั้นตอนคัดเลือกเพื่อเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ท.ถูกต้องตามกฏหมาย โดยเห็นว่ารักษาการแทนเลขาธิการป.ป.ช.ไม่ถือเป็นเลขาธิการป.ป.ช. เป็นเหตุให้ป.ป.ท.ไม่ได้ทำหนังสือเชิญรักษาการเลขาธิการป.ป.ช.เข้าร่วมการประชุม เพื่อพิจารณาคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ท. นอกจากนี้ ยังเห็นว่ากฏหมายป.ป.ท.เป็นกฎหมายพิเศษไม่สามารถนำไปเทียบเคียงกับกฎหมายบริหารราชการแผ่นดินทั่วไปได้