'ประยุทธ์' ขอทุกคนอดทน เพื่อระบบขนส่งสาธารณะสมบูรณ์แบบ

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ ว่า ได้มีโอกาสลงพื้นที่ตรวจราชการด้านการจราจรที่มีปัญหาในกรุงเทพฯ ซึ่งได้พูดคุยกันถึงเรื่องการเชื่อมโยง “ล้อ – ราง -เรือ” ที่เป็นเป้าหมายในอนาคต ที่จะต้องอาศัยเวลาในการทำงาน เพราะหลายปีที่ผ่านมา ไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่ควรจะเป็นโดย ขอให้อดทนไปอีกระยะหนึ่ง เพราะอีกไม่นานก็จะมีระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น การเชื่อมต่อ โดยการเดินทาง “ล้อ – ราง – เรือ” แบบไร้รอยต่อจะช่วยให้ประชาชนมีทางเลือก เข้าถึงบริการระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ ทั้งรถ ขสมก.- คิวรถตู้ – วินมอเตอร์ไซค์ – รถไฟฟ้า – เรือด่วนเจ้าพระยา มากขึ้นรวมถึงต้องจัดทำที่ “จอดแล้วจร” กระจายตัวในพื้นที่สำคัญ เชื่อมโยงต่อการขนส่งด้านต่างๆ รวมถึงมี “ระบบตั๋วร่วม” ที่ได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจน ต้องนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารการจราจร และการขนส่งอย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้นด้วย

ทั้งนี้ นายกฯ ยังกล่าวต่ออีกว่า ก่อนที่ถึงจุดนั้น รัฐบาลได้จัดทำมาตรการรองรับเพื่อจะแก้ปัญหาการจราจร เป็นแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว คือ แผนระยะสั้น บริหารจัดการกระแสการจราจรบนท้องถนน เข้มงวดกวดขันวินัยจราจร เพราะฉะนั้นทุกคนต้องเคารพกฎจราจร พร้อมทั้งเพิ่มมาตรฐานเรือโดยสาร เพื่อให้การสัญจรทางน้ำ เป็นทางเลือกให้กับประชาชน ส่วน แผนระยะกลาง 1 – 3 ปี นอกจากต้องเร่งลงทุนสร้างระบบขนส่งสาธารณะ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ต้องกำหนดสิทธิการผ่านในบางพื้นที่ เพื่อลดปริมาณการจราจร ควบคู่ไปกับการปรับปรุงโครงข่ายการจราจร และการขนส่งสาธารณะ ให้มีประสิทธิภาพ และ แผนระยะยาว 3 ปีขึ้นไป อาทิ ใช้มาตรการจำกัดสิทธิ์ มาตรการด้านการเงิน ในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นโครงข่ายรถไฟฟ้า เพื่อเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ การเดินทางที่ไม่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล และ การปลูกฝังจิตสำนึก วินัย น้ำใจการใช้รถใช้ถนน ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาจราจรได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เพิ่มเส้นทางคมนาคมทางน้ำในการเดินทาง คู่ขนานไปกับถนนสายหลัก เพื่อให้ประชาชนเลือกใช้บริการได้สะดวกขึ้น บรรเทาจราจรติดขัดทางถนน ซึ่งทั้งกรมเจ้าท่า กรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องร่วมกันดำเนินการอย่างเร่งด่วน ในระยะแรก ควบคู่กันไปกับ การก่อสร้าง และเตรียมการจัดหาการใช้ระบบดิจิทัลมาควบคุมการจราจร ตลอดจน ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ก่อสร้างถนน ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน เมื่อก่อสร้างไปแล้ว ตรงไหนสร้างเสร็จแล้ว ก็บีบให้เล็กลง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ผลประเมินดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ค. อยู่ที่ระดับ 82.2 ซึ่งถือว่าปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และสูงที่สุด ในรอบ 62 เดือน โดยทุกรายการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากประชาชนเห็นว่าการส่งออก และการท่องเที่ยว ขยายตัวดีขึ้น ส่วนราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการเริ่มดีขึ้น และกำลังซื้อของประชาชนในหลายจังหวัดก็ปรับตัวดีขึ้น เช่นเดียวกัน รายงานดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ระบุว่าปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรก ในรอบ 6 เดือน เนื่องจากครัวเรือนมีมุมมองต่อเรื่องรายได้ และการมีงานทำ ที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหารายได้ของประชาชนที่ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ภาครัฐก็มีมาตรการช่วยเหลือหลายอย่างเพื่อเพิ่มรายได้ ลดภาระค่าใช้จ่าย เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นาโนไฟแนนซ์ พักชำระหนี้เกษตรกร ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกร โครงการแฟรนไชส์สร้างอาชีพ เป็นต้น

นอกจากนี้ มีการขับเคลื่อนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งพบว่ามีประชาชนเป็นลูกหนี้ราว 9 แสนราย จากเจ้าหนี้เกือบ 18,000 ราย มีมูลหนี้รวม กว่า 52,000 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มดำเนินการเดือนกรกฎาคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ร่วมกับกระทรวงการคลัง และกระทรวงยุติธรรม ระดับจังหวัด ได้เดินหน้าเจรจาไกล่เกลี่ย ทำข้อตกลงประนีประนอม และปรับโครงสร้างหนี้ ให้ความเป็นธรรมกับทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้แล้วกว่า 2 แสนราย

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2549 – 2557 การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดำเนินการได้เพียง 29,000 ราย เท่านั้น จากจำนวนสมาชิกเกษตรกรที่ลงทะเบียนหนี้สินไว้ราว 460,000 ราย อย่างไรก็ตาม จะต้องเร่งส่งเสริมให้เกษตรกรลูกหนี้มีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถชำระหนี้ตามสัญญาใหม่ได้ โดยได้กำชับให้สำนักงานกองทุนฯ ไปหาแนวทางฟื้นฟูอาชีพ ร่วมกับ ธ.ก.ส. และกรมส่งเสริมการเกษตรต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบาย “สานพลังประชารัฐ”เป็นการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ช่วยกันแก้ปัญหา คิดหาทางสร้างอนาคตให้ประเทศไทย ผ่านโครงสร้างการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพคน และ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน น้อมนำ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และ แนวทางการพัฒนา ของในหลวงรัชกาลที่ 9 คือ “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” มาเป็นหลักคิด ที่มีเป้าหมายสุดท้าย คือ การพัฒนาสู่ความยั่งยืน

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้สามารถ “รักษาผลสำเร็จ ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน” คือ เปิดรับ และปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลก ด้วยการไม่หยุดที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต ต้องฟัง ต้องอ่าน พัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่าทุกๆ วัน เพื่อที่ทุกคนจะได้เข้มแข็ง เป็นส่วนหนึ่งของการ “สร้างไทยไปด้วยกัน” โดยต้อง “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ก่อนทิ้งท้าย เตือนประชาชน และนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงนี้ เป็นหน้าฝน มีพายุโซนร้อน “เบบินคา” ใครที่จะไปเที่ยวตามน้ำตก ต้องระมัดระวังหรือการนั่งเรือ ลงเรือ ท่องเที่ยวต่างๆ ต้องดูสภาพลมฟ้าอากาศด้วย สามารถตรวจสอบข้อมูล ได้ที่ “สายด่วน 1182” และ ศึกษาความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำป่าไหลหลาก ด้วย ส่วน เจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่ ขอให้คอยดูแลรักษาความปลอดภัย เตรียมการให้พร้อม แจ้งเตือนประชาชน อพยพประชาชน เมื่อคาดว่าจะเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบบแจ้งเตือนภัยต้องสามารถใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้ “ทุกคน” รักษาสุขภาพ และ “ทุกครอบครัว” มีความสุข ปลอดภัย ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์