ราชกิจจาฯ เผยแพร่ 'พ.ร.บ.ธนาคารอิสลาม' ให้คลังถือหุ้นได้เกิน49%

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ 'พ.ร.บ.ธนาคารอิสลาม' ให้คลังถือหุ้นได้เกิน49%

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ฉบับใหม่ให้คลังถือหุ้นได้เกิน 49%

เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2561 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ความว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่าโดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561”
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในวรรคสามของมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“ให้กระทรวงการคลังถือหุ้นของธนาคารได้ตามจำนวนที่เห็นสมควร แต่จะต้องไม่เกินร้อยละสี่สิบเก้าของจำนวนหุ้นที่จำน่ายได้แล้วทั้งหมด เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงานของธนาคาร กระทรวงการคลังอาจถือหุ้นเกินร้อยละสี่สิบเก้าของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดได้เป็นการชั่วคราว ตามสัดส่วนและระยะเวลาที่เหมาะสมโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี”

หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยประสบปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลต่อเงินสำรองของธนาคารและขาดสภาพคล่องในการดำเนินงาน ดังนั้น เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อก าหนดให้กระทรวงการคลัง สามารถถือหุ้นได้เกินร้อยละสี่สิบเก้าของจำนวนหุ้นที่จ าหน่ายได้แล้วทั้งหมดเป็นการชั่วคราว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้