'พท.' จี้รัฐชะลอโครงการขนาดใหญ่ แนะเร่งแก้ปัญหาปากท้องปชช.

'พท.' จี้รัฐชะลอโครงการขนาดใหญ่ แนะเร่งแก้ปัญหาปากท้องปชช.

"เพื่อไทย" จี้ รัฐชะลอโครงการขนาดใหญ่ แนะเร่งแก้ปัญหาปากท้องปชช. หลังหนี้ ครัวเรือนพุ่ง

เมื่อวันที่ 17 ก.ค.61 นายวิม รุ่งวัฒนจินดา ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ว่าในภาพรวมเวลานี้เราคงต้องยอมรับความจริงกันแล้วว่าเศรษฐกิจประเทศไทยตกต่ำ และย่ำแย่ลงมาก อย่าหวังกับตัวเลขที่ภาครัฐเอามาโชว์ว่าโตเท่านั้นเท่านี้กันอีกเลย เพราะสภาพความเป็นจริงมันสวนทางกัน เวลานี้คำพูดที่ติดปากพ่อค้าแม่ค้าคือขายไม่ดีไม่มีคนซื้อ ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่ารอปิดกิจการ

ทั้งนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเดินมาถึงจุดนี้ มาจากความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลของนักลงทุนและตลาดผู้บริโภคโดยจะเห็นได้จากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่ขยายตัวในอัตราที่สูงกว่า 5-10 %ของจีดีพี ขณะที่ประเทศไทยขยายตัวต่ำไม่ถึง 3 %ของ จีดีพี การทุจริตคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากโครงการลงทุนของภาครัฐ มีเสียงวิพากวิจารณ์เรื่องการแบ่งผลประโยชน์แทบทุกโครงการทำให้บริษัทข้ามชาติและนักลงทุนชะลอการเข้ามาลงทุน แม้จะมีตัวเลขการจดทะเบียนบริษัทจัดตั้งใหม่เกิดขึ้นก็ตาม

นอกจากนี้ภาครัฐไม่มีมาตราการกระตุ้นใดๆ ที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัว แม้ว่าการใช้เงินงบประมาณรายจ่ายตลอด 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาล คสช ใช้งบเกินดุลไปมากกว่า 1.8 ล้านล้านบาทก็ตาม แต่งบฯ ดังกล่าวไม่ได้ถูกนำไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนเลย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร ทำให้เกษตรกรกว่า 70% ของประเทศอยู่ในภาวะยากจนลง ขณะที่เงินภาษีของประชาชนรัฐบาลกลับนำไปใช้กับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรและโครงการขนาดใหญ่ที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ นอกจากนี้การจัดซื้ออาวุธให้กับกองทัพมากกว่าปกติ ทำให้นักวิชาการหลายคนเริ่มมองเห็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการเปลี่ยนสนามการค้าให้เป็นสนามรบ อีกครั้งหรือไม่

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในเวลานี้ คือหนี้สินภาคครัวเรือนที่ขยับสูงขึ้นถึง 95 %ของรายได้ ทำให้เกือบทั้งหมดของรายได้ต้องนำไปชำระหนี้ เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยต้องเดินเข้าสู่กับดักของหนี้นอกระบบ กลายเป็นทาสของนายทุนที่ปล่อยเงินกู้แบบรายวัน. ขณะเดียวกันการออกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลับกลายเป็นกำแพงปิดกั้นการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างสถาบันการเงินไปอย่างสิ้นเชิง เพราะแบงก์จัดกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นบุคคลที่ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ จึงไม่สามารถปล่อยกู้ให้กับประชาชนกลุ่มนี้ได้

"ฝากถึงรัฐบาลควรเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระดับฐานรากเป็นการด่วน อย่ามัวแต่เล่นเกมส์การเมืองโดยเฉพาะปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน และควรชะลอการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ไว้ก่อนเนื่องจากเวลานี้ เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำมาก โครงการขนาดใหญ่อาจไม่จำเป็นเท่ากับความเดือดร้อนของประชาชน" นายวิม กล่าว