ศาลอนุมัติจับ 'สีกาจุ๋ม' เศรษฐีนี พร้อมพวก4คน คดีพา 'พรหมเมธี' หนี

ศาลอนุมัติจับ 'สีกาจุ๋ม' เศรษฐีนี พร้อมพวก4คน คดีพา 'พรหมเมธี' หนี

กองปราบฯ เผยศาลจังหวัดนครพนม อนุมัติหมายจับ "สีกาจุ๋ม ศศิร์อร" เศรษฐีนี พร้อมพวก4คน คดีพา "พระพรหมเมธี" หนีไปสปป.ลาว

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด หลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ จ.นครพนม เพื่อติดตามจับกุมตัว “อดีตพระพรหมเมธี” หรือ “จำนงค์ เอี่ยมอินทรา” อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กทม. หนึ่งในผู้ต้องหาความผิดเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด ที่หลบหนีมา ในพื้นที่ จ.นครพนม ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ทางด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม -คำม่วน โดยมีการทิ้งหลักฐาน เป็นรถตู้พบรถยนต์ตู้สีบรอนซ์เงิน ซึ่งเจ้าคุณจำนงค์ ใช้ในการเดินทางหลบหนี มาจาก กทม. นำจอดทิ้งไว้ใกล้กุฏิพระเจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ บ้านค่ายเสรี ต.นางาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม หลังการหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดมาตรวจสอบ และสืบสวนหาเบาะแส จนกระทั่งล่าสุดมีการประสานงานจับกุมตัวได้ หลังหนีไปประเทศเยอรมนี แต่ยังอยู่ระหว่างการเจรจาขอตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย

ส่วนการสืบสวนติดตามจับกุมตัวพระจำนงค์ในครั้งนี้ ทางตำรวจได้ข้อมูลสำคัญ หลังจากสามารถควบคุมตัวสีกาคนสนิท ที่ให้การช่วยเหลือในการหลบหนีคือ จุ๋ม นางศศิร์อร อายุ 54 ปี ภูมิลำเนาอยู่ กทม. ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นางศศิร์อร เป็นบุคคลที่มีฐานะร่ำรวย เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง นอกจากนี้ ยังมีสามีไปประกอบธุรกิจทำเหมืองแร่ ใน สปป.ลาว ทำให้รู้ช่องทางในการเลี่ยงการจับกุม และสามารถพาหนีออกนอกประเทศได้ง่าย รวมถึงมีลูกศิษย์คนสนิท อีก 1 คน คือ นายพีรวิช อายุ 28 ปี โดยจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า สีกาคนสนิท รวมถึงลูกศิษย์อีกคน อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ ยังมีชาวลาวอีก 3 คน (ยังไม่ทราบชื่อ) ที่ให้การช่วยเหลือ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการหลบหนี

ล่าสุดมีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตำรวจนครพนม รวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลจังหวัดนครพนม ขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่ให้การช่วยเหลือพระจำนงค์แล้ว รวม 5 รายด้วยกัน ประกอบด้วย 1.นางศศิร์อร  อายุ 54 ปี สีกาคนสนิท 2.นายพีรวิช อายุ 28 ปี เป็นคนที่คอยให้การช่วยเหลือ ส่วนอีก 3 คน เป็นชาวลาว ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ซึ่งตำรวจจะได้เร่งประสานงานติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ฐานความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือ เป็นผู้ต้องหากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ทางด้าน พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ระบุว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ ขึ้นอยู่กับทางบังคับบัญชาระดับสูง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะสั่งการ ส่วนตำรวจในพื้นที่ พร้อมที่จะดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมาย แต่ไม่สามารถให้สัมภาษณ์ หรือให้ข้อมูลเชิงลึกได้ จะต้องรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อการทำงานของตำรวจ

ล่าสุดมีรายงานจากแหล่งข่าวจากกองปราบปรามว่า กรณีขออนุมัติศาลจังหวัดนครพนมออกหมายจับ ผู้ให้การช่วยเหลือ พระพรหมเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร หลบหนีรวม 5 คน โดยในจำนวนนี้มีคนไทย 2 คน และคนลาว 3 คน ซึ่งคนไทย 2 คน คือ สีกา จุ๋ม หรือ นางศศิร์อร อีกคนเป็นคนขับรถพาหนีมายังจังหวัดนครพนมคือนายพีระวิทย์ หรือโค๊ต ส่วนคนลาวอีก 3 คนที่มีส่วนช่วยเหลืออดีตพระพรหมเมธี คือครอบครัวของนางจันตะนา มีนางจันตะนาเองและลูกสาว คือนางกิตติมา และลูกชายนางจันตะนา คนที่ขับรถของอดีตพระพรหมเมธีไปเก็บที่วัดป่าสุคนธรักษ์ อำเภอเรณูจังหวัดนครพนม จนเจ้าหน้าที่ไปตรวจพบในที่สุด โดยล่าสุดศาลจังหวัดนครพนมได้อนุมัติหมายจับบุคคลทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว