ส่งป.ป.ท.เขต3 ลุยสอบทุจริตงบศธ.11จว.อีสาน

ส่งป.ป.ท.เขต3 ลุยสอบทุจริตงบศธ.11จว.อีสาน

เลขาฯป.ป.ท.สั่งผอ.ป.ป.ท.เขตพื้นที่ 3 ลงพื้นที่สอบปัญหาทุจริตงบศธ.11 จังหวัดภาคอีสาน หลังรมว.ศธ.แฉโรงเรียนโกงงบการศึกษาหลายรูปแบบ

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 61 พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากกระทรวงศึกษาธิการออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบปัญหาการทุจริตโรงเรียนและเขตพื้นที่การศึกษาใน 11จังหวัดภาคอีสาน ว่า ตนได้แจ้งให้ผอ.สำนักงานเขตป.ป.ท.พื้นที่ 3 ซึ่งดูแลจังหวัดในพื้นที่เขตอีสานใต้ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว และจะเร่งประสานข้อมูลกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อให้ทราบรายละเอียดของการตรวจสอบ เพื่อไม่ให้ทำงานซ้ำซ้อนกัน แม้ว่าขณะนี้กระทรวงศึกษาฯ จะตรวจสอบไปบ้างแล้วแต่ในส่วนของป.ป.ท.ก็จะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย เพราะการตรวจสอบปัญหาการทุจริตเกี่ยวข้องกับการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐในระดับต่างๆ ที่มีหลากหลายรูปแบบ

สำหรับกรณีทุจริตโรงเรียนและเขตพื้นที่การศึกษาใน 11จังหวัดภาคอีสาน มีผู้ร้องเรียนเข้ามา กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ตรวจสอบในพื้นที่ 11 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบการทุจริตโครงการต่างๆ ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวนมาก อาทิ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 28 จ.ยโสธร พบว่ามีโรงเรียนได้รับการจัดสรรซื้อครุภัณฑ์พัฒนาทักษะ ม.ต้น ชุดอุตสาหกรรม งบประมาณ 600,000 บาท รวม 458 โรง งบฯทั้งสิ้น 279 ล้านบาท ภายหลังเมื่ออนุมัติงบพบว่ามีโรงเรียนเพิ่มเป็น 600 โรง และมีการถูกร้องเรียนเรื่องล็อกสเปกการจัดซื้อครุภัณฑ์พัฒนาทักษะ ซึ่งตรวจสอบเบื้องต้นเป็นลักษณะเหมือนเงินท็อปดาวน์ใช้จัดซื้อครุภัณฑ์พัฒนาทักษะพิเศษ ที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งโรงเรียนไม่ได้ต้องการครุภัณฑ์ดังกล่าว แต่มีการจัดสรรมาให้เอง โรงเรียนบางแห่งเสนอครุภัณฑ์มาให้แต่ไม่ตรงกับที่เสนอ กรณีนี้มีบริษัทเข้ามาจัดซื้อจัดจ้าง แต่ขั้นจัดสรรงบฯ กลับเปลี่ยนรายการ จึงต้องจัดซื้อจัดจ้างใหม่

ขณะที่ยังพบเจ้าหน้าที่พัสดุในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นครราชสีมา เขต 5 วางฎีกาเบิกเงินซ้ำซ้อนในหลายโรงเรียน และวางฎีกาลอยเพื่อตั้งเบิกอีก 57 รายการ ซึ่งบางกรณีมีความผิด และมีหลักฐานพยานบุคคลชัดเจน โดยมีการสรุปให้เจ้าหน้าที่พัสดุโดนภาคทัณฑ์และขอให้ยุติเรื่อง แต่ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการตัดตอนเจ้าหน้าที่ เนื่องจากการเบิกจ่ายจะต้องมีรหัสที่มีเพียงหัวหน้าแผนกบัญชี กับ ผอ.เขตพื้นที่ฯ เจ้าหน้าที่พัสดุไม่สามารถทำคนเดียวได้ นอกจากนี้ พบพฤติกรรมตกเขียวเงินงบประมาณของโรงเรียน โดย ผอ.เขตพื้นที่ฯ จ.บุรีรัมย์ มีการเรียกรับเปอร์เซ็นต์จาก ผอ.โรงเรียน 10% โดยโรงเรียนต้องจ่ายก่อน 5% เมื่อได้รับงบแล้วต้องจ่ายอีก 5% โรงเรียนส่วนใหญ่ต้องยอม เพราะถ้าไม่ให้จะไม่ได้รับงบประมาณในปีนั้น