ราชทัณฑ์อนุมัติโอนตัวนักโทษต่างชาติ 16 ราย ให้กลับไปรับโทษส่วนที่เหลือในประเทศบ้านเกิด
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ได้จัดประชุมคณะกรรมการพิจารณาการโอนนักโทษครั้งที่ 2/2561 เพื่อพิจารณาคำร้องขอโอนตัวนักโทษเด็ดขาดชาวต่างประเทศจำนวน 16 ราย ให้กลับไปรับโทษต่อในประเทศที่ตนเอง มีสัญชาติ ประกอบด้วย อิหร่าน 10 ราย เบลเยียม 1 ราย สวิส 1 ราย ดัชต์ 1 ราย ญี่ปุ่น 1 ราย ลาว 1 ราย และบริติช 1 ราย สำหรับเงื่อนไขเบื้องต้นของการโอนตัวนักโทษนั้นจะดำเนินการได้ต่อเมื่อมีสนธิสัญญาว่าด้วยการโอนนักโทษระหว่างรัฐต่อรัฐ และต้องได้รับความยินยอมจาก 3 ฝ่าย ได้แก่ รัฐผู้โอน รัฐผู้รับโอน และนักโทษที่จะได้รับการโอนตัว โดยนักโทษที่จะโอนตัวต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดคดีถึงที่สุด ได้รับโทษจำคุกมาแล้วเกินกว่า 1 ใน 3 ของโทษ และเหลือโทษจำอยู่ต้องไม่น้อยกว่า ๑ ปี รวมถึงต้องมีคุณสมบัติไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาการโอนนักโทษ
พ.ต.อ.ณรัชต์ เปิดเผยอีกว่า กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการโอนตัวนักโทษเด็ดขาดระหว่างประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ.2527 และสนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวนักโทษเด็ดขาดระหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้ทำไว้กับประเทศต่างๆ โดยประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกที่มีการทำสนธิสัญญาการโอนนักโทษ จนถึงปัจจุบันประเทศไทยมีสนธิสัญญาการโอนนักโทษกับประเทศต่างๆ แล้ว จำนวนทั้งสิ้น 37 ประเทศ อาทิ ฝรั่งเศส สเปน แคนาดา สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมัน ไนจีเรีย กัมพูชา และญี่ปุ่น เป็นต้นและ ได้มีการโอนตัวนักโทษเด็ดขาดชาวต่างประเทศกลับไปรับโทษต่อยังประเทศที่นักโทษมีสัญชาติ ทั้งสิ้นจำนวน 1,082 ราย และนักโทษสัญชาติไทยที่ได้รับการโอนตัวกลับมารับโทษต่อในประเทศไทยแล้วจำนวน 17 คน ซึ่งการโอนตัวนักโทษระหว่างประเทศเป็นการเปิดโอกาสให้นักโทษกลับไปรับโทษที่เหลืออยู่ในประเทศของตน ได้ใกล้ชิดครอบครัว ญาติพี่น้อง และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม คุ้นเคย เพื่อประโยชน์ต่อการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยให้เป็นคนดีกลับสู่สังคมต่อไป อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาความแออัดภายในเรือนจำของไทยในระดับหนึ่ง