พ่ออินโดฯ เรียกร้องยุติธรรม ‘ทหารฆ่าลูกชาย’

พ่ออินโดฯ เรียกร้องยุติธรรม ‘ทหารฆ่าลูกชาย’

คุณพ่อชาวอินโดนีเซียรายหนึ่งต้องไปจุดเทียนนอกทำเนียบประธานาธิบดีแทบทุกสัปดาห์ เรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกชาย ที่เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงหลังประธานาธิบดีซูฮาร์โตถูกโค่นอำนาจ

วันจันทร์ที่ 21 พ.ค. นี้เป็นวันครบรอบ 20 ปี อดีตนายพลซูฮาร์โตลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ผลพวงจากวิกฤติเศรษฐกิจเอเชียทำให้อินโดนีเซียเป็นอัมพาตจากเหตุจลาจล ขาดแคลนอาหาร เงินรูเปียะห์ดิ่งหนัก คนตกงานมหาศาล

ประเมินกันว่าประชาชนกว่า 1,000 คนถูกสังหารในการจลาจลและประท้วงก่อนและหลังรัฐบาลเผด็จการซูฮาร์โตล่มสลาย

สิจิต ปราเสตโย นักศึกษาวิศวกรรม บุตรชายของอาซีห์ วิโดโด เสียชีวิตด้วยห่ากระสุนของทหารที่เล็งมายังผู้ประท้วง

“ตอนนั้นผมทำงานอยู่ มีโทรศัพท์มาแจ้งว่าลูกชายอยู่ที่โรงพยาบาล ใจผมรู้เลยว่า ลูกไปแล้ว ทหารฆ่าลูกชายผม” วิโดโดกล่าวในวันที่มาจุดเทียนพร้อมๆ กับพ่อแม่ผู้สูญเสียอีกหลายคน พวกเขาต้องการคำตอบเรื่องความตายของนักศึกษาที่มาประท้วง

20 ปีผ่านไป อินโดนีเซียซึ่งมีประชากร 260 ล้านคนเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยอย่างเห็นได้ชัด แต่ปัญหาคอร์รัปชันและความไม่เสมอภาคยังรุมเร้าประเทศที่เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้

ซูฮาร์โตยึดอำนาจในปี 2510 หลังเหตุการณ์สังหารหมู่ผู้ถูกกล่าวหาว่าเห็นใจคอมมิวนิสต์และคนเชื้อสายจีนไปหลายแสนคนระหว่างปี 2508-2509 เขาเสียชีวิตในปี 2551 โดยไม่ต้องรับผิดชอบกับการที่งบประมาณแผ่นดินสูญหายหลายพันล้านดอลลาร์ หรือการละเมิดสิทธิประชาชนในช่วง 30 ปีที่เขาบริหารประเทศ จนกลายเป็นคำพูดติดปากเมื่อกล่าวถึงการทุจริตและระบบพวกพ้อง

ความรุนแรงผลพวงจากรัฐบาลซูฮาร์โตล้ม เป็นประวัติศาสตร์ดำมืดอีกหน้าหนึ่งที่อินโดนีเซียยังไม่ได้แก้ไขด้วยวิถีทางอันเหมาะสม

ชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีนตกเป็นเหยื่อของการนองเลือดช่วงวันท้ายๆ ของซูฮาร์โต ผู้หญิงต้องขดตัวอยู่แต่ในบ้าน เมื่อกองทัพหื่นกามนำโดยทหารอันธพาลตระเวนไปตามท้องถนนทั่วกรุงจาการ์ตา

หลายคนเสียชีวิตอยู่ในบ้าน ฝูงชนผู้กราดเกรี้ยวไม่พอใจที่คนจีนรวยเอาๆ บุกทำลายร้านค้า ระดมขว้างปาหน้าต่าง จุดไฟเผาบ้าน เผารถ รัฐบาลก็ใกล้หลุดจากอำนาจทุกขณะ

ตอนเกิดเหตุม็อบบุกร้านค้าคนจีนทั่วกรุงจาการ์ตา อายู ปัสปิตา อายุได้ 30 ปี เธอทำงานร้านอาหารในย่านโกลดกหรือไชน่าทาวน์แห่งจาการ์ตา

“มีแต่ความโกลาหล รถยนต์ถูกเผา รถจักรยานยนต์ล้มลงไปกองคันแล้วคันเล่า น่ากลัวมาก”

สุเบียนโต วัย 67 ปี พนักงานดูแลลานจอดรถที่ทำงานในไชน่าทาวน์มาราว 50 ปี กล่าวว่า เขาถึงกับช็อกหลายพื้นที่ของเมืองหลวงมีแต่เปลวเพลิง

“ไม่มีตำรวจ ไม่มีทหาร ประชาชนถูกปล้นในทุกที่ มีคนขับรถบรรทุกมาขโมยข้าวของ”

บ้านเรือนและธุรกิจชาวจีนหลายร้อยหลังถูกปล้นและเผาระหว่างเหตุไม่สงบ ทั้งๆ ที่เหตุการณ์เกิดขึ้นใต้จมูกทหาร แต่พวกเขาก็เพิกเฉยไม่เข้ามาจัดการจนน่าสงสัยว่า กองทัพน่าจะเกี่ยวข้องด้วย

ตึกหลายแห่งในย่านไชน่าทาวน์ยังคงสภาพความเสียหายไว้จนทุกวันนี้ แม้เหตุการณ์ผ่านไปหลายสิบปี

“เสียงรถหวอทำให้ฉันขวัญผวา และกลัวทุกครั้งที่เห็นคนกลุ่มใหญ่ใกล้เข้ามา” ปัสปิตาเล่า

“ฉันเลือกที่เกิดหรือเชื้อชาติไม่ได้หรอก” เธอย้ำ

  ความพยายามนำตัวบุคคลในรัฐบาลและกองทัพขณะนั้นมารับผิดชอบกับการเสียชีวิตของประชาชนเชื้อสายจีนและอื่นๆไม่เป็นผล แต่วิโดโด ผู้ขี่มอเตอร์ไซค์ตกแต่งด้วยข้อความ “ลูกชายผมถูกทหารฆ่า” ก็ยังคงเรียกร้องหาคำตอบต่อไป

“ประเทศนี้ไม่เคยสนใจแต่ผมสน ผมจะสู้ต่อตราบเท่าที่ยังมีชีวิต” พ่อวัย 67 ปี ผู้สูญเสียลูกชายด้วยน้ำมือทหารยืนยันเจตจำนงค์