รวบแล้วโชว์เฟอร์แท็กซี่จอมหื่น พยามลวมลามสาว 'พีอาร์ร้านอาหาร'

รวบแล้วโชว์เฟอร์แท็กซี่จอมหื่น พยามลวมลามสาว 'พีอาร์ร้านอาหาร'

รวบแล้วโชว์เฟอร์แท็กซี่จอมหื่น พยามลวมลามสาว “พีอาร์ร้านอาหาร” บนทางด่วนพิเศษฉลองรัช สารภาพเหยื่อจับมือเลยคิดว่ามีใจ

จากกรณีน.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี พีอาร์สาว ร้านอาหารย่านทองหล่อ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ว่า ถูกโชเฟอร์แท็กซี่พยายามข่มขืน และลักทรัพย์ เหตุเกิดบนทางด่วนพิเศษฉลองรัช ใกล้ทางออกถนนจตุโชติ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 03.00น. ของวันที่ 28 เม.ย. ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 พ.ค.2561  พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.คณบดี เลิศอมรศักดิ์ ผกก.กก.สส.บก.น.2 , พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว และตำรวจ สน.คันนายาว ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายบุญเลิศ ผ่องใบทอง อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/4 ต.ท่าพริก อ.เมืองตราด จ.ตราด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.443/2561 ลงวันที่ 2 พ.ค. 2561 ในข้อหา "ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน" และข้อหา "กระทำอนาจารบุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยบุคคลเช่นว่านั้นไม่สามารถขัดขืนได้" โดยสามารถจับกุมได้ภายในห้องเช่าเลขที่ 1 ห้องที่ 9 ซอยวัดเวฬุวนาราม 18 ถนนสรงประภา แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.สมพงษ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย. เวลาประมาณ 02.23 น. ผู้เสียหาย ซึ่งทำงานเป็นพีอาร์อยู่ในย่านซอยทองหล่อ 5 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ได้เรียกรถยนต์นั่งสาธารณะ(แท็กซี่) สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทศ-5975 กรุงเทพฯ  เพื่อให้ไปส่งที่พัก เมื่อมาถึงบนทางด่วนฉลองรัช ( เอกมัย – รามอินทรา ) แขวงออเงิน  เขตสายไหม  กรุงเทพฯ ผู้เสียหายเกิดหลับไป และถูกนายบุญเลิศ ลวนลามบนรถ และเมื่อผู้เสียหายได้สติ จึงได้วิ่งหนีออกจากจากรถยนต์แท็กซี่คันดังกล่าว ต่อมาได้สำรวจร่างกายและทรัพย์สินปรากฏว่า เงินสดประมาณพันกว่าบาทในกระเป๋าสะพายได้หายไป และแหวนทองคำที่ใส่นิ้วนางน้ำหนัก 1 สลึงยังได้หายไป อีกด้วย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว โดยพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมทั้งเสนอศาลออกหมายจับ ซึ่งศาลได้ออกหมายจับนายบุญเลิศ ในเวลาต่อมา

 

พล.ต.ต.สมพงษ์ เปิดเผยอีกว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน  ได้สืบทราบว่า คนร้ายได้หนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่ ห้องเช่าห้องที่ 9 เลขที่ 1 ซอยวัดเวฬุวนาราม 18 ถนนสรงประภา แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ จึงได้บูรณาการการปฏิบัติร่วมกันกับตำรวจกองกำกับการสืบสวน บก.น.2 ตำรวจ สน.คันนายาว และตำรวจ สน.ดอนเมือง ปิดล้อมกดดันผู้ต้องหาที่ซ่อนตัวอยู่ภายในห้องพักให้ออกมามอบตัว จนสามารถจับกุมนายบุญเลิศ ได้บริเวณหน้าห้องพัก

 

พ.ต.อ.คณบดี เปิดเผยว่า นายบุญเลิศ ทราบว่า ตัวเองมีการกระทำความผิดจากสื่อ จึงหลบหนีการจับกุมมาโดยตลอด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้สืบทราบว่า นายบุญเลิศ ได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ที่วัดป่าใน จ.อ่างทอง เมื่อไปถึงนายบุญเลิศ ได้ไหวตัวทันและหลบหนเข้าป่าด้านหลังวัดไป จากนั้นก็หลบหนีไปพักในพื้นที่ จ.ลพบุรี ก่อนจะเข้ามาพักในกรุงเทพฯ โดยแต่ละที่ จะพักอาศัยอยู่ 1-2 วัน เนื่องจากกลัวว่าจะมีประชาชนจำได้ว่าเป็นผู้ที่กระทำผิด และกลัวจะกลับไปติดคุกอีก จากการตรวจสอบพบว่านายบุญเลิศมีประวัติ 3 คดีด้วยกันคือ 1.คดีลักทรัพย์ พื้นที่สน.คันนายาว 2.คดีจำหน่ายยาเสพติด พื้นที่สน.มีนบุรี 3.คดีลักทรัพย์ พื้นที่จ.ปทุมธานี เข้า-ออกเรือนจำกว่า 10 ปี นายบุญเลิศยอมรับว่าได้กระทำผิดจริง โดยนำแหวนทองไปจำนำที่โรงรับจำนำพระยาสุเรนทร์ โดยใช้ชื่อตัวเองเป็นผู้จำนำได้เงินมา 4,000 บาท นำไปใช้จ่ายส่วนตัวหมดแล้ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำเรื่องอายัดแหวนเรียบร้อยแล้ว

 

นายบุญเลิศ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือลวนลามหญิงสาว และขโมยทรัพย์สินไปจริง โดยระบุว่า ในคืนเกิดเหตุผู้เสียหายได้เรียกรถแท็กซี่ จากย่านทองหล่อ โดยมี รปภ.ประคองมาส่งที่รถ พร้อมเปิดประตูรถให้ เนื่องจากผู้เสียหายมีอาการมึนเมา และยังบอกให้ไปส่งที่ ซ.รัชดา 3 เมื่อไปถึงสะพานข้ามตรงเอกมัย-เพชรบุรี  ผู้เสียหายได้เปลี่ยนให้ไปส่งที่ ซ.ลาดพร้าว 64  

 

ต่อมาเมื่อรถวิ่งมาถึงถนนเพชรบุรี ผู้เสียหายได้ขอเข้าห้องน้ำ จึงแวะปั้มน้ำมันประมาณ 4 นาที และตลอดทางผู้เสียหายจะคุยโทรศัพท์ตลอดเวลา จากนั้นได้ขอเปลี่ยนให้ไปส่งที่ลำลูกกา จ.ปทุมธานี แต่ตนไม่ยอมไป เพราะกลับมาก็ไม่ได้รับผู้โดยสาร ผู้เสียหายจึงอ้อนมาจับมือตน ทำให้ตนเริ่มคิดไม่ดี เมื่อขึ้นทางด่วนมาสักพัก ตนจึงจอดรถที่จุดพักรถ ซึ่งด้านหน้ามีรถอยู่ 3 คัน ในตอนนั้นความคิดตนไม่ดีแล้ว จึงลงจากรถเปิดประตูรถด้านหลังขวา ก่อนจะเข้าไปลวนลามผู้เสียหาย พร้อมเปิดกระเป๋าเอาทรัพย์สินเป็นเงินสดประมาณ 500-600 บาท และถอดแหวนทองออกจากมือผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัว ได้บอกตนให้พอได้แล้ว ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วโต้เถียงกันนาน ตนเห็นว่าผู้เสียหายไม่ยอมไปแน่ จึงขับรถออกมาได้สักระยะ ตนกลัวว่ารถจะชนผู้เสียหาย หรืออาจมีใครพาไปไหนต่อไหน จึงวนรถกลับมาขึ้นทางด่วนเปิดไฟว่างรับผู้เสียหายไปส่งที่ถนนรัชดา

 

นายบุญเลิศ กล่าวว่า ต้องขอโทษผู้เสียหายด้วย ตนไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ อย่างไรก็ตาม รู้ว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ถูกต้อง ยอมรับแล้วว่าได้ทำผิดจริง  และต้องบอกว่า ตร.ชุดสืบสวน บก.น.2 แกะรอยและไล่ติดตามได้เก่งจริงๆ ผมหนีจนสุดความสามารถของผมแล้ว ยอมแพ้สื่อ ยอมแพ้เทคโนโลยี ถ้าคิดจะเป็นโจร ต้องเลิกจริงๆ

 

เบื้องต้นนายบุญเลิศ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา"ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน" และข้อหา "กระทำอนาจารบุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยบุคคลเช่นว่านั้นไม่สามารถขัดขืนได้" จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ให้นายบุญเลิศชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ ก่อนจะควบคุมตัวนายบุญเลิศ ส่งฝากขังที่ศาลอาญาเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป