วิป สนช. รับ 5 ชื่อเสนอเป็นกกต. รอบสอง ถูกตั้งคำถามเยอะ เหตุ “กก.สรรหาฯ” มีเวลาคัดเลือกน้อย
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวถึงการประชุม สนช. ว่า ในวันที่ 10 พฤษภาคม นี้จะมีวาระพิจารณารายชื่อของบุคคลที่ได้รับการเสนอให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 7 คนตามที่คณะกรรมการสรรหา กกต. ที่มีนายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานกรรมการสรรหาฯ เสนอรายชื่อ 5 คนและจากตัวแทนของที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกา อีก 2 คน โดยในการพิจารณาดังกล่าวจะเป็นเพียงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ขึ้นมาตรวจสอบประวัติเชิงลึก ของทั้ง 7 คน ก่อนที่จะนำเสนอรายงานเพื่อให้ที่ประชุมสนช. พิจารณาลงมติว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นไม่เกินต้นเดือนสิงหาคม
นพ.เจตน์ กล่าวว่า สำหรับรายชื่อที่มาจากการสรรหาบุคคลที่เข้าสมัครรอบล่าสุด ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีอย่างน้อย 2 คน ที่เข้าสมัครเข้ารับการสรรหาเป็น กกต. รอบแรก แต่ไม่ผ่านขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติ นั้น เป็นประเด็นที่ สนช. สามารถตั้งคำถาม หรือมีข้อสงสัยได้ แต่ในวาระพิจารณา วันที่ 10 พฤษภาคมนั้น ไม่เหมาะสมที่จะอภิปรายใดๆ เพราะคณะกรรมการสรรหาฯ ไม่ได้ร่วมประชุม แม้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. จะทำหน้าที่เป็นกรรมการสรรหา แต่ถือเป็นดุลยพินิจที่นายพรเพชรจะปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานการประชุมในช่วงวาระพิจารณาหรือไม่ก็ได้
“คำถามที่สมาชิกสงสัย อาจต้องนำไปสอบถามกันในชั้นตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ว่าเหตุใดที่ผู้ที่ไม่ผ่านการเลือกรอบแรก ทำไมถึงได้รับเลือกในรอบล่าสุดนี้ หากเป็นกรณีที่ผู้สมัครกลับไปแก้ไขคุณสมบัติตัวเอง เช่น กรณีถือครองหุ้น ที่เขาขายหรือมอบให้บุคคลอื่นครอบครองไปแล้ว อาจจะถือว่าผ่านคุณสมบัติก็ได้ ขณะที่ตำแหน่งทางราชการที่รอบแรกไม่สามารถเทียบเคียงได้กับตำแหน่งอธิบดีหรือเทียบเท่า แต่รอบนี้สามารถนำมาเทียบเคียงกัน เช่น ตำแหน่งเอกอัครราชทูต นั้นเป็นประเด็นที่คณะกรรมการสรรหาฯ ต้องชี้แจง อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าการตีความของคณะกรรมการสรรหาต้องเป็นไปภายใต้กรอบกฎหมาย” นพ.เจตน์ กล่าว
นพ.เจตน์ ยังกล่าวตอบคำถามต่อกระแสข่าวที่ว่าอาจมีใบสั่งให้โหวตเลือกกกต.รอบสอง และอาจซ้ำรอยล้มกระดานรอบแรก ว่า ไม่คิดว่าเป็นไปตามกระแสข่าว เพราะการคัดเลือกบุคคลให้เป็น กกต. รอบล่าสุด ทางคณะกรรมการสรรหา ต้องใช้ความรอบคอบมากยิ่งขึ้น แต่ตนยอมรับว่าการทำงานของคณะกรรมการสรรหาฯ มีข้อจำกัดด้วยเงื่อนไขด้านเวลา ซึ่งการตรวจสอบด้านประวัติและพฤติกรรมเชิงลึก ถือเป็นภาระหนักที่ต้องทำให้รัดกุมขึ้น อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าการเลือก กกต. ครั้งนี้ อาจมีผลเป็นไปในทิศทางที่ลงมติเห็นชอบบางคนและบางคนไม่เห็นชอบ เพื่อให้บุคคลที่ผ่านการลงมติ เข้าไปเตรียมพร้อมและสร้างความคุ้นเคยต่อระบบการจัดการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น แต่กรณีที่ สนช. จะลงมติไปในทางใดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบประวัติฯ และการนำรายงานการตรวจสอบให้ สนช. ได้ไตร่ตรองก่อนลงมติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับบุคคลที่คณะกรรมการสรรหาฯ คัดเลือกและเตรียมเข้าสู่วาระประชุม สนช. จำนวน 5 คน ประกอบด้วย 1.นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ นักวิชาการสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, 2.นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 3.นายอิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา และกรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์, 4.นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการหลายจังหวัด และ 5.นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)
ส่วนบุคคลที่ได้รับการเสนอให้แต่งตั้งเป็น กกต. อีก 2 คน ที่มาจากสายศาล นั้น มติของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ยืนยันส่ง ชื่อ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และนายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา.