"รังสิมันต์ โรม" แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ย้ำเจตนาบริสุทธิ์ ยังพร้อมชุมนุมใหญ่ พ.ค.นี้
นายรังสิมันต์ โรม อายุ 25 ปีอแกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย และผู้ร่วมชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้เดินทางมาสอบคำให้การ ภายหลังถูกพนักงานอัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ฐานชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน ในที่สาธารณะ เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ลงวันที่ 1 เม.ย. 58 ข้อ 12 และกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จากกรณี มีการประกาศนัดหมายให้มวลชนกลุ่มผู้ชุมนุมมารวมตัวกัน ที่บริเวณอนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน ในวันที่ 10 ก.พ.61 เพื่อเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง กระทั่งในวันที่ 10 ก.พ. นายรังสิมันต์ กับพวกแกนนำฯได้ร่วมกันปราศรัยโจมตีรัฐบาลและให้ชุมนุมขับไล่รัฐบาล คสช.อย่างชัดเจน
โดย "นายรังสิมันต์" ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าสอบคำให้การว่า วันนี้ศาลนัดสอบคำให้การในคดีที่พวกตนจัดการชุมนุมที่ ถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งอัยการได้ฟ้องแล้ว ส่วนเหตุที่มีการสั่งฟ้องตนเพียงคนเดียวก่อนคนอื่นนั้น เนื่องจากศาลมีคำสั่งฝากขังตนคนเดียว ในขณะที่คนอื่นไม่ได้ฝากขัง ซึ่งตนก็ไม่ทราบเหตุผล ทั้งๆ ที่เป็นข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน เมื่อมีคำสั่งฝากขัง ตนได้ยื่นประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เงินสด 50,000 บาท อัยการจึงต้องฟ้องภายใน 48 วัน (ช่วงระยะฝากขัง) ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าฟ้องข้อหาอะไรบ้าง ซึ่งคงจะได้ทราบคำฟ้องในวันนี้ เบื้องต้นก็คงเป็นข้อหาตามที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งคือ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 เป็นอย่างน้อย “เรายืนยันว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำไปทั้งหมดมีเจตนาบริสุทธิ์ เราไม่เชื่อว่าการที่เราต้องการเห็นการเลือกตั้งเป็นความผิด ถ้าเกิดว่าการเลือกตั้งเป็นความผิด การเรียกร้องการเลือกตั้งเป็นความผิด ต่อไปนี้ในอนาคตประเทศไทยจะมีเลือกตั้งหรือเปล่า” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามถึงท่าทีของ พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ที่ออกมายืนยันสนับสนุนรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เหมือนเดิม "นายรังสิมันต์" กล่าวว่า เราเคยเรียกร้องว่าถ้าจะสร้างบรรยากาศทางการเมืองให้เปิด นำไปสู่การเลือกตั้งได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ทางกองทัพต้องออกจากการเมือง และทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งสามารถเกิดขึ้น ปัญหาคือตราบใดที่กองทัพยังคงสนับสนุน คสช. อย่างมืดมนเช่นนี้ การที่เราจะได้เห็นบรรยากาศทางการเมืองที่นำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็วก็คงยาก หรือหากจะมีการเลือกตั้ง ถ้าจินตนาการถึงการเลือกตั้งที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร มาคอยอัดวิดีโออยู่ตลอดเวลา คอยจับผิดอยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งที่นำเสนอผิดกฎหมายอะไรที่ คสช.ได้กำหนดไว้หรือไม่ ถ้าเป็นแบบนี้เราคงไม่สามารถแสวงหาการเลือกตั้งที่เป็นการเลือกตั้งจริงๆ ได้
“ข้อเสนอที่ผ่านมาของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งคืออยากเห็นบรรยากาศทางการเมืองที่มันฟรีและแฟร์ ที่มันสามารถเปิดออกมาให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้ตัดสินใจด้วยตัวของเขาเอง ไม่ใช่มาคอยเซ็นเซอร์หรือกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ อันนี้คือข้อเสนอของเรา ดังนั้นเราจึงผิดหวังแน่นอนกับการที่เราได้เห็นท่าทีของทหาร ถึงอย่างไรเสียทหารก็กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ถึงอย่างไรเสียทหารก็เป็นลูกหลานคนไทยเหมือนกัน การที่เราได้เห็นเขามาสนับสนุน คสช.อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูก็เป็นสิ่งที่น่าเศร้าใจ น่าผิดหวัง” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการเตรียมตัวจัดชุมนุมใหญ่กลางเดือน พ.ค.นี้ "นายรังสิมันต์" กล่าวว่า เรามีความพร้อม ในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา หลายฝ่ายก็ได้พักผ่อน แต่สิ่งที่อยากให้สังเกตจับตา คือการเลือกตั้งที่ยังไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับตีความกฎหมาย ย่อมส่งผลให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. ปีหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ การเลือกตั้งไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในเร็ววัน คนอยากเลือกตั้งยังคงเดินหน้าต่อไป และมีความพร้อมที่จะจัดกิจกรรมในช่วงเดือน พ.ค.นี้