"มีชัย" ย้ำต้องแก้ พ.ร.บ.กสทช.ก่อนเดินหน้า สรรหากสทช. พร้อมแจงใช้ ม.44 เพื่อแก้ปัญหา ปมตีความสเปก คนละความหมายกับ เนื้อหากม.
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวย้ำถึงความจำเป็นที่ออกกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 7/2561 ว่าด้วยการยกเลิกและระงับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยที่ประชุมคสช. ได้ระบุถึงปัญหาที่เกิดกับกระบวนการสรรหา และจำเป็นต้องแก้ไข พ.ร.บ. กสทช. (ฉบับที่2) ใน 2 ประเด็น ส่วนรายละเอียดของบทบัญญัติที่จะแก้ไข ตนไม่ทราบ ขอให้สอบถามกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ทั้งนี้ตนเข้าใจว่ากระบวนการแก้ไขกฎหมายนั้น ต้องให้ กสทช.ปรับแก้ ก่อนส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา และส่งให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาตามกระบวนการ
"ตามพ.ร.บ.กสทช. ระบุว่าเมื่อกระบวนการสรรหาต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ต้องทำให้เสร็จภายใน 30 วัน หากไม่ระงับการสรรหาไว้ก่อน ปัญหาอาจจะเกิดซ้ำได้ และการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวอาจจะแก้ไขไม่ทัน แม้จะมีผู้เสนอในวงประชุม คสช.ว่าให้ใช้การพิจารณาแบบ 3 วาระรวด แต่อาจจะไม่ทัน หรือใช้คำสั่ง มาตรา 44 แก้กฎหมายกสทช. ก็ไม่เหมาะสม จึงออกมาเป็นแนวทางให้ระงับไว้ก่อน ซึ่งผมมองว่าประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับกรณีที่มีคลิปเสียงระบุว่านายกฯ ไม่ยอมรับกับบัญชี กสทช.ที่ถูกเสนอ เพราะคสช. ไม่มีอำนาจใดเข้าไปแทรกแซงกิจการของครม.ไม่ได้ แต่การทำหน้าที่ของคสช. คือการแก้ปัญหาที่ ครม.นำเสนอมา" นายมีชัย กล่าว
นายมีชัย กล่าวด้วยว่าสำหรับประเด็นที่เป็นปัญหาซึ่งตนได้ยินจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า เป็นส่วนของการแปลความบทบัญญัติของคุณสมบัติ หรือ รายละเอียดของบุคคลที่มีสิทธิเข้ารับการสรรหา ที่ตีความต่างไปจากบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อกำหนดให้บุคคลที่เคยทำหน้าที่ตำแหน่ง อธิบดีหรือเทียบเท่าสามารถเข้ารับสมัครได้ แต่กรรมการสรรหา ตีความว่า ต้องเป็นตำแหน่งขององค์กรนิติบุคคล ทั้งที่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนุญไม่ได้ระบุว่าให้เป็นนิติบุคคลหรือไม่ ขณะที่ประเด็นที่สนช. อภิปรายในที่ประชุมต่อจำนวนบุคคลที่เสนอชื่อให้ สนช. ลงมติ ที่ต้องเสนอจำนวน 14 คน แบ่งเป็นด้านละ 2 คน แต่พบมีผู้ที่คุณสมบัติไม่ครบและมีลักษณะต้องห้ามทำให้จำนวนที่เสนอไม่ครบจึงตีกลับบัญชีรายชื่อ เพราะไม่มีตัวเลือก ทั้งนี้ตามหลักการตนไม่ทราบว่าสามารถแก้ไขกฎหมายกสทช.เพื่อปลดล็อคให้ส่วนที่ไม่มีปัญหาเดินหน้าไปก่อนได้หรือไม่
นายมีชัย ปฏิเสธที่จะให้คำตอบต่อการแก้ปัญหากระบวนการสรรหา ที่มาจากการแปลความของบทบัญญัติกฎหมาย ด้วยการออกประกาศกรรมการสรรหากสทช.ได้หรือไม่. แต่ตนเชื่อว่านายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ฐานะกรรมการสรรหา กสทช. ควรจะนำประเด็น ที่ สนช.อภิปราย ไปพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และทำความเข้าใจกับการสรรหาให้ชัดเจน หรือสอบถามมายังผู้ร่างรัฐธรรมนูญถึงการแปลความหมายก่อนกำหนดรายละเอียดคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้ารับสมัครก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
"จริงๆ การสรรหาไม่ได้พิสดารอะไร และเรื่องที่เกิดขึ้นจะไปโทษกรรมการสรรหาจนถึงขั้นเปลี่ยนตัวกรรมการไม่ได้ เพราะตามวิธีการของการให้ได้มาซึ่งกรรมการองค์กรอิสระทุกองค์กร สามารถใช้แมวมองเพื่อทาบทามบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเข้ามาสู่กระบวนการคัดเลือกได้ แต่ตอนนี้ที่เขาไม่ใช้ คงเป็นเพราะกังวลว่าจะถูกมองว่าเป็นคนของคนนั้นคนนี้" นายมีชัย กล่าว