เปิดตัว 'ลา กาซิตา' โครงการกว่า 2,300 ล้าน คอนโดฯตากอากาศหัวหินสุดหรู

เปิดตัว 'ลา กาซิตา' โครงการกว่า 2,300 ล้าน คอนโดฯตากอากาศหัวหินสุดหรู

ย้ำตำแหน่งเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมตากอากาศในหัวหิน เปิดตัวโครงการ “ลา กาซิตา” (La Casita) มูลค่าโครงการกว่า 2,300 ล้านบาท ชูจุดขายคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่สไตล์สแปนิช ตั้งอยู่ท่ามกลางสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

นายปิติ จารุกำจร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิรินับว่าเป็นผู้บุกเบิกและเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมตากอากาศในหัวหินมาอย่างยาว   โดยเปิดตัวโครงการแรก “บ้านไข่มุก” หัวหิน ในปี 2534 ซึ่งนับเป็นโครงการแรกที่บริษัทพัฒนา  มายาวนานกว่า 35 ปี ปัจจุบันบริษัทพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลชะอำ-หัวหินมาแล้วทั้งสิ้น 21 โครงการ อาทิ โครงการบ้านไข่มุก บ้านแสนสราญ บ้านแสนสุข บ้านนับคลื่น บ้านทิวลม เป็นต้น สำหรับโครงการที่บริษัทพัฒนาล่าสุดในปี 2558 คือ โครงการบ้านเคียงฟ้า ปัจจุบันทุกโครงการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจนสามารถปิดการขายในทุกโครงการในทำเลหัวหิน จากความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการที่หัวหิน ทำให้แสนสิริมีความได้เปรียบในการเข้าใจความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี รวมถึงความศักยภาพของแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งในการพัฒนาโครงการที่มีประสิทธิภาพมาโดยตลอด

  4_3

นอกจากนี้ล่าสุด จากแรงหนุนในแผนการพัฒนาของภาครัฐด้านการลงทุนระบบคมนาคมในอนาคต  ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้เกิดการกระตุ้นทั้งด้านการท่องเที่ยว และดึงดูดการลงทุนของภาคเอกชน และ     เกิดความต้องการบ้านหลังที่ 2เพิ่มมากขึ้น ล่าสุดบริษัทจึงได้เปิดตัวโครงการ ‘ลา กาซิตา’  (La Casita) คอนโดมิเนียมตากอากาศบนทำเลที่ดีที่สุดในใจกลางเมืองหัวหิน แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโรงแรมระดับ 5 ดาว ศูนย์การค้าบลูพอร์ต โรงพยาบาลกรุงเทพ และร้านอาหารชั้นนำมากมาย ซึ่งนับเป็นโครงการฯ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ศักยภาพอย่างแท้จริง โดยภายในโครงการยังมอบพื้นที่ส่วนกลางสีเขียวขนาดใหญ่ถึง 4,000 ตร.ม. โดยล่าสุดบริษัทได้จัดงานพรีเซลล์ เปิดขายโครงการในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเก่าหรือแฟนพันธุ์แท้แสนสิริเป็นอย่างดี โดยสร้างยอดขายไปได้แล้วถึง 50% คาดว่าจะได้รับความสนใจจากทั้งกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อการพักผ่อนเป็นบ้านหลังที่ 2 รวมถึงกลุ่มลูกค้านักลงทุน และสามารถปิดการขายได้ในไตรมาส 2 นี้อย่างแน่นอน

โครงการ ลา กาซิตา (La Casita) เป็นคอนโดมิเนียมสไตล์สแปนิช ได้รับการสร้างสรรค์ด้วย  แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของสเปนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่มีมิติ สีสันในแบบพาสเทล ผสานความคลาสสิคท่ามกลางบรรยากาศของเกาะอิบิซ่า (Ibiza) ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออก  

ของประเทศสเปน อบอวลกลิ่นอายของหาดทรายสีขาว และท้องทะเลสวยงามเหมือนสวรรค์ โครงการ ลา กาซิตา เป็นอาคารสูง 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวน 705 ยูนิต แบ่งเป็น 1-2 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่

1_3

26.50-91.00 ตร.ม. บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ ซึ่งแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 4,000 ตร.ม. อาทิ

 Palm Court (ปาล์ม คอร์ท) สำหรับการจัดเป็นพื้นที่ครัวส่วนกลาง หรือพื้นที่พักผ่อนที่ให้ทุกคนสามารถใช้เวลาว่างให้ผ่อนคลายยิ่งขึ้น Blooming Wall (บลูมมิ่ง วอลล์) หรือ กำแพงดอกไม้

เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ผ่อนคลายได้ดังใจ Paradise Garden (พาราไดซ์ การ์เด้น) สวนขนาดใหญ่ตามแบบฉบับสเปน The Great Lawn (เดอะ การ์เด้น ลอว์น) พื้นที่สีเขียวเพื่อสูดอากาศให้ชุ่มปอดสำหรับการพักผ่อน และ Lap Pool (แล็บ พูล) สระว่ายน้ำขนาดใหญ่กว่า 1,000 ตร.ม. และยาวกว่า

100 เมตร    ซึ่งนับเป็นสระว่ายน้ำในคอนโดมิเนียมที่ยาวที่สุดในหัวหิน พร้อมทางเดินร่มรื่นรอบโครงการ ภายใต้บรรยากาศของการผ่อนคลายที่แสนสงบ และความสนุกที่สามารถสัมผัสคำว่าบ้านได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ล่าสุดบริษัทยังได้เปิดตัวแคมเปญฤดูร้อน ตอบรับไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยวในหัวหิน “Joy of Huahin” โดยมอบข้อเสนอสุดพิเศษเพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่ต้องการคอนโดมิเนียม         

ตากอากาศในย่านชะอำ - หัวหิน และถือเป็นกิจกรรมแห่งความสุขที่มอบสิทธิพิเศษ ส่วนลดร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ในหัวหินให้กับลูกบ้านแสนสิริกว่า 66 ร้าน โดยเริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2561 เท่านั้น

3_6

“ตลาดคอนโดมิเนียมในหัวหินมีราคาเฉลี่ยสูงขึ้นถึง 15% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งยังมีแนวโน้ม   ที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี และสามารถปล่อยเช่าได้ถึง 4-5% ต่อปี ผนวกกับการเติบโตของธุรกิจปล่อยเช่าออนไลน์ ซึ่งแสนสิริได้จับมือกับHostmaker (โฮสต์ เมกเกอร์) พาร์ทเนอร์สำคัญที่มีความเชี่ยวชาญ และได้รับรางวัลการันตีคุณภาพในระดับโลก มาช่วยอำนวยความสะดวกบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่าและอยู่อาศัย โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดความซับซ้อนใน        

การจัดการการจองที่พักให้ง่ายขึ้น ดังนั้น โอกาสในการปล่อยเช่ารายเดือนจึงมีโอกาสมากขึ้นจากนักท่องเที่ยวที่นิยมเช่าพักในระยะยาว และคนทำงานประจำที่โยกย้ายจากต่างเมือง โดยมีอัตรา   ค่าเช่าโครงการของแสนสิริเฉลี่ยอยู่ที่ 20,000 บาทสำหรับขนาด 1 ห้องนอน และสูงสุดถึง 40,000 บาทสำหรับขนาด 2 ห้องนอน ทั้งนี้ โครงการ ลา กาซิตา (La Casita) จัดกิจกรรมพิเศษ “Live in the Lively Spanish Style” พร้อมเปิดให้ชมห้องตัวอย่างสมบูรณ์แบบครั้งแรกในวันที่ 6-8 เม.ย นี้ที่    หัวหินพร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ ได้ภายในงานนี้เท่านั้น รวมทั้งมีกำหนดการนำไปโรดโชว์ในต่างประเทศในวันที่ 21-22 เมษายนนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเช่นเดียวกัน” นายปิติ กล่าวเสริม

สำหรับแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลหัวหินในปี 2561 นี้ คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีและกลับมา   ฟื้นตัวอีกครั้ง โดยมีแรงหนุนจากแผนการลงทุนของภาครัฐในการลงทุนระบบคมนาคมสู่เมืองท่องเที่ยว       ฝั่งตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อพัทยาสู่หัวหิน โดยการเปิดบริการเรือเฟอร์รี่เมื่อต้นปี 2560       ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถช่วยลดเวลาเดินทางจาก 5-6 ชม. เหลือเพียง 1.40 ชม. เท่านั้น และการเชื่อมต่อการเดินทางจากกรุงเทพฯ – หัวหิน ด้วยทางรถไฟความเร็วสูง และการสร้างมอเตอร์เวย์จากนครปฐม-ชะอำ (ท่ายาง) ซึ่งช่วยให้การเดินทางคล่องตัวกว่าเดิม รวมถึงการขยายการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวจากกรุงเทพฯ สู่เมืองท่องเที่ยวโซนอ่าวไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเมืองหัวหินที่มีแนวโน้มการเติบโตได้ดีต่อเนื่อง *สำหรับทิศทางตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทยปี 2561 คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 37.8 ล้านคน ขยายตัวประมาณร้อยละ 7.0 จากปี 2560 ซึ่งปัจจัยที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ การขยายเส้นทางการบินของธุรกิจสายการบินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายเส้นทางการบินของไทยที่เชื่อมไปยังเมืองรองของจีน เป็นต้น โดยได้รับปัจจัยหนุนหลักจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน อยู่ที่ประมาณ 9.81 ล้านคน ** ขณะที่แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้หมุนเวียนอยู่ที่ประมาณ 9.9 แสนล้านบาท (*,**ที่มา: ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย) ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองตากอากาศกลับมีความคึกคักขึ้นอีกครั้ง โดยล่าสุดคอนโดมิเนียมในหัวหิน    มีอัตราการเสนอขายสูงสุดที่ 140,000 บาท/ ตารางเมตร และสามารถสร้างผลตอบแทนการขายต่อมากถึง 59%