'เปรมชัย'จ่ออีกคดี ค่าเสียหายระบบนิเวศ3ล้าน เมียส่อโดนฟันคดีงาช้าง

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นายเปรมชัย พร้อมด้วย นายยงค์ โดดเครือ, นางนที เรียมแสน และนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาในคดีล่าสัตว์ป่า เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากที่เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พนักงานอัยการได้ร้องขอให้ตำรวจสอบปากคำและส่งผลตรวจพิสูจน์บางประเด็นเพื่อให้สำนวนครบถ้วน  โดยนายเปรมชัยปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

          ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาร่วมสอบปากคำนายเปรมชัยและพวก โดยเปิดเผยว่า การเรียกนายเปรมชัยและพวกในวันนี้ เป็นการเรียกมาสอบตามที่อัยการร้องขอเพิ่ม คือพฤติการณ์เกี่ยวกับการเข้าไปในพื้นที่ห้ามล่าสัตว์ป่าที่ทำให้เสียหายต่อระบบนิเวศ ซึ่งเกี่ยวกับคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายกับนายเปรมชัยและพวก ส่วนคดีอาญาข้อหาคดีล่าสัตว์ป่าต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยจะพยายามเร่งให้เสร็จภายใน 1-2 วันนี้ก่อน 25 มีนาคมนี้แน่นอน ส่วนการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมขณะนี้ยังไม่มี แต่ในส่วนของอัยการขึ้นอยู่กับดุลพินิจของอัยการ ทั้งนี้ในส่วนของคดีดังกล่าวนายเปรมชัยและพวกยังคงให้การปฏิเสธ

          ภายหลังสอบปากคำเสร็จสิ้นใช้เวลาประมาณ 40 นาที นายเปรมชัยพร้อมพวกได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน

ด้านนายวิทูลย์ พรายแย้ม ทนายความของนายเปรมชัย เปิดเผยว่า วันนี้นายเปรมชัยกับพวกได้เดินทางมาเซ็นชื่อรับทราบเรื่องพฤติการณ์ที่นำไปสู่ความเสียหายทางระบบนิเวศที่ตำรวจระบุข้อมูลตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่าฯ เท่านั้น ยืนยันว่าตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาเพิ่มแต่อย่างใด ซึ่งนายเปรมชัยและพวกยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า ตามที่อัยการได้ให้สอบเพิ่มเติมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดีตามที่อัยการได้สั่งมาในส่วนพฤติการณ์นายเปรมชัยและพวกในวันเกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ไซเตส ซึ่งเหลือเพียงเอกสารรายงานผลตรวจทางวิทยาศาสตร์จากกรมอุทยานฯ อีก 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งได้สั่งการไปแล้วให้สรุปส่งพนักงานอัยการก่อน 12.00 น. วันที่ 22 มีนาคม ซึ่งการส่งครั้งนี้มีพยานหลักฐานเป็นผลตรวจพิสูจน์เพิ่มเติมจากกรมอุทยานฯ ยื่นเป็นพยานหลักฐานใหม่ อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานอัยการยังไม่เห็นหากเห็นแล้วอาจจะมีข้อสงสัยหรือข้อสังเกตขึ้นมาอีกก็ยังไม่ทราบว่าพนักงานอัยการจะมีความเห็นว่าอย่างไรทั้งนี้ทางตำรวจยืนยันจะดำเนินการตามที่พนักงานอัยการสั่งการทุกกรณีด้วยความรวดเร็ว

ส่วนประเด็นที่อัยการสั่งให้ประเมินค่าเสียหายคดีทางแพ่งเกี่ยวกับระบบนิเวศ ทางสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าได้ประเมินมูลค่าความเสียหายในอัตราขั้นต่ำ 3 ล้านบาท แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม แต่หากมีก็จะต้องให้อัยการเป็นผู้พิจารณา ส่วนกรณีนางคณิตา กรรณสูต ภรรยานายเปรมชัย จะโดนแจ้งความข้อหาแจ้งความเท็จเกี่ยวกับการจดแจ้งครอบครองงาช้างเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ได้หารือกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯแล้วซึ่งต้องรอให้อธิบดีกรมอุทยานฯ พิจารณาก่อนว่าจะร้องทุกข์ในประเด็นนี้หรือไม่ ซึ่งขอให้มาร้องทุกข์ภายในวันที่ 23 มีนาคมนี้

วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ และ นายณัฐวุฒิ สระฏัน ผอ.สำนักสืบสวนปราบปรามที่ 1 กรมศุลกากร ได้เข้าตรวจงาช้างและปืนคาบศิลา ที่ยึดมาจากบ้านพักของนายเปรมชัย เพื่อตรวจสอบว่ามีการนำเข้าและเสียภาษีถูกต้องหรือไม่

 นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า งาช้างเป็นสินค้าที่ควบคุมการนำเข้า ซึ่งปัจจุบัน พ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ.2558 มาตรา 5 ห้ามมิให้ผู้ใดนําเข้า ส่งออก หรือนําผ่านซึ่งงาช้าง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดี ทั้งนี้ได้ตรวจงาช้างจำนวน 4 กิ่งหรือ 2 คู่ที่ยึดได้จากที่บ้านของนายเปรมชัย ซึ่งตามใบจดแจ้งระบุว่านางคณิตา กรรณสูต ภรรยาของนายเปรมชัยเป็นเจ้าของ ใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ศุลกากร จากการตรวจสอบในฐานข้อมูลของกรมศุลกากรไม่พบว่านายเปรมชัยและภรรยาแจ้งเสียภาษีและขออนุญาตนำเข้าปืนคาบศิลาและงาช้างดังกล่าว แต่เพื่อความชัดเจนจะต้องกลับไปตรวจสอบในฐานข้อมูลอย่างละเอียดว่ามีการขออนุญาตอย่างถูกต้องหรือไม่ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 วันจะทราบผล

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำภรรยาของนายเปรมชัยให้การว่างาช้างได้มาเมื่อปี 2524 โดยได้มาจากญาติ ทั้งนี้คำให้การของผู้ต้องหา ตามป.วิ อาญา เขียนไว้ชัดเจนไม่ให้รับฟัง อย่างไรก็ตามคดีนี้เริ่มนับเวลาตั้งแต่วันที่ได้ตรวจยึดงาช้างประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ยืนยันว่าคดีไม่มีการขาดอายุความไม่ต้องเป็นห่วงมีการส่งฟ้องแน่นอน หากมีหลักฐานการนำเข้ามาก็ให้นำมาแสดงได้ ส่วนกรณีของปืนคาบศิลาได้สอบถามจากทางศุลกากรแล้วพบว่ายังยืนยันให้ไม่ได้ ซึ่งคงดำเนินตามพ.ร.บ.ศุลกากรไม่ได้ แต่ได้แจ้งเรื่องการครอบครองอาวุธปืนไปแล้ว ขณะที่ด้านกรมศิลปากรก็ได้ยืนยันแล้วว่าปืนคาบศิลาเป็นโบราณวัตถุจริง แต่ยังไม่มีในประกาศจึงไม่สามารถดำเนินคดีได้ แต่ปืนคาบศิลาดังกล่าวก็ต้องถูกยึดเป็นของแผ่นดินตามพ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ