นายกฯขู่กำหนด 'วันเลือกตั้ง' ไม่ได้ ถ้า'พรรคการเมือง'ไม่ร่วมถกมิ.ย.นี้
"ประยุทธ์" ฮึ่มกำหนด "วันเลือกตั้ง" ไม่ได้ ถ้า "พรรคการเมือง" ไม่ร่วมถก มิ.ย.นี้ เบรก "สนช." อย่าโยน "กม.ลูกส.ส." ให้รบ.ส่งตีความ เชื่อฉบับนี้ไม่มีปัญหา
เมื่อวันที่ 20 มี.ค.61 เวลา 14.35 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเชิญพรรคการเมืองร่วมหารือเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งในเดือนมิ.ย.นี้ ว่า เรื่องการเชิญพรรคการเมืองนั้นใครจะมาหรือไม่มาก็แล้วแต่เขา ถ้าไม่มาประชาชนจะว่าอย่างไร ตนต้องการให้ประชาชนรับทราบรับรู้ด้วยว่ามีการพูดคุยอะไรกันบ้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต ไม่ได้หมายความว่าตนจะไปรู้นโยบายอะไรของเขา เพียงแต่เขาต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ในสิ่งที่ประชาชนต้องการเพราะทุกพรรคอาสาที่จะเข้ามาทำงานการเมืองให้กับประเทศ“อันนี้สุดแล้วแต่ถ้ามาไม่ครบหรือไม่มีการพูดคุยอะไรกันเลย มันก็กำหนดวันเลือกตั้งไม่ได้นั่นแหล่ะ” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้รัฐบาลเสนอศาลรัฐธรรมนูญตีความพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. หลังจากที่สนช.ยื่นในส่วนของส.ว.ไปแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าเรื่องนี้ต้องว่ากันไป เป็นขั้นตอนทางกฎหมายสามารถกระทำได้ เพราะมีศาลรัฐธรรมนูญอยู่ ไม่อย่างนั้นศาลฯ ไม่มีงานทำ ตราบใดที่ยังมีข้อห่วงใยข้อกังวลก็ต้องให้ศาลตอบให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ต้องระมัดระวัง ตนก็ระมัดระวังอยู่แล้วไม่ให้เกิดผลกระทบต่อโรดแม็พ“พออย่างนี้มาก็บอกว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบในภาพรวม พอเขาเห็นชอบร่วมกันมาก็บอกรัฐบาลไปก้าวล่วง โดยใช้อำนาจสั่งทำให้ผ่าน เรื่องแบบนี้มีทั้งสองทาง” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะส่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่รัฐบาล แต่เป็นเรื่องของสนช. เพราะกฎหมายนี้ยังไม่ได้ส่งกลับมาที่ตนเลยอย่ามาโยนให้รัฐบาล ในเมื่อท่านยังมีปัญหากันอยู่ก็ต้องแก้ที่ท่าน ถ้ามันไม่จำเป็นตนจะส่งทำไม ในเมื่อมอบหมายความรับผิดชอบไปแล้วก็ให้ไปทำกันตรงโน้น มิเช่นนั้นจะเสียหายกว่าที่จะได้อะไรกลับมา ในเมื่อวันนี้สนช.ยังเห็นไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องที่สนช. เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบไม่ตรงกัน แต่เกิดจากความเป็นห่วงเพราะมีเสียงทักท้วงจากตรงนั้นตรงนี้ เช่น นักการเมือง และอื่นๆ จึงเกิดความไม่มั่นใจ
ดังนั้น ก็ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนตัดสิน เพื่อจะไม่เกิดความเสียหายในวันหน้า มิเช่นนั้น เมื่อเลือกส.ว.มาแล้วมีปัญหาฟาวร์ทั้งหมดจะทำอย่างไรใครจะรับผิดชอบพอถึงตอนนั้นเมื่อถามว่า แสดงว่าสนับสนุนให้ทั้ง 2 ฉบับส่งตีความใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่รู้ เห็นสนช.ส่งฉบับเดียวไม่ใช่หรือ เมื่อถามย้ำว่า ควรส่งทั้ง 2 ฉบับหรือไม่เพื่อกันปัญหาในอนาคต นายกฯ กล่าวว่า “ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่มีหรอก ฉบับส.ส.ไม่น่าจะมีปัญหา”เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยขอจดจัดตั้งพรรคการเมืองสามารถทำได้และเหมาะสมหรือไม่ จะเอื้อต่อบรรยากาศการเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องไปดูกฎหมายว่าทำได้หรือไม่ได้ ตนให้ความสนใจกับทุกพรรค และเป็นเรื่องของประชาชนพิจารณาเอาเองและเป็นเรื่องของกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเชิญพรรคการเมืองมาชี้แจงถึงนโยบายนั้นถือเป็นการแทรกแซงพรรคการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเชิญพรรคการเมืองมาพูดคุย ไม่ได้หมายถึงให้มาพูดคุยในนโยบายพรรค แต่อยากให้พูดถึงว่าจะแก้ไขปัญหา เช่น เรื่องการทุจริต เรื่องการบุกรุกป่า อย่างไร โดยต้องคุยแบบนี้ แล้วทำไมนโยบายพรรคมันปิดลับกันมากหรืออย่างไร แต่พรรคการเมืองสามารถเปิดเผยนโยบายพรรคของตัวเองในภายหลังก็ได้เพราะตนไม่ได้อยากจะรู้ เพียงแต่อยากจะถามว่าพรรคการเมือง จะทำต่อในสิ่งที่ตนทำไว้อย่างไร ถ้ามีวิธีการอื่นก็ต้องถามว่าประชาชนจะรับได้หรือไม่ ไม่ใช่ไม่มีรายละเอียดอะไรเลย แล้วก็เลือกกันออกมา มันไม่ใช่
“มันต้องสร้างการรับรู้ อย่างวันนี้ผมบอกทุกอันแล้ว ผมเคยหวงห้ามว่าใครจะเอาของผมไปใช้บ้างไหม และที่ผ่านมาผมทิ้งของเขาหมดหรือเปล่ามันก็ไม่ใช่อีกอะไรที่สานต่อได้ผมก็ทำ ส่วนอะไรที่มีปัญหาก็แก้ไขให้ถูกต้อง ใครเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาลก็ต้องทำให้ประเทศชาติเจริญเติบโต นโยบายพรรคนั้นไม่ใช่นโยบายที่จะทำให้ประเทศเปลี่ยนแปลงได้ เพราะนโยบายพรรคเขาทำเพื่อสนองตอบบางกลุ่มเท่านั้นเอง ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ ยกตัวอย่าง การจำนำข้าว ถามว่าให้ใคร แล้วเคยรับผิดชอบในเรื่องงบประมาณแผ่นดินหรือไม่”เมื่อถามว่า หากพรรคการเมืองไม่มาร่วมหารือด้วยจะไม่สามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ใช่หรือไม่ โดยเฉพาะพรรคใหญ่ที่ไม่มา นายกฯ กล่าวว่า ไม่มาแล้วจะคุยกับใคร เมื่อถามย้ำอีกว่า หากพรรคการเมืองไม่มาแล้วจะกำหนดวันเลือกตั้งได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าก็ต้องหาข้อยุติให้ได้มากที่สุด วันนี้มีพรรคการเมืองกี่พรรคที่เกี่ยวข้อง เพราะตอนนี้มีอยู่ 40-50-60 พรรคแล้ว และกกต.จะรับรองทุกพรรคหรือไม่“ใครอยากมาก็มา แต่ผมไม่ไปเบี้ยวอยู่แล้วแหล่ะ ถึงอย่างไรก็ต้องเลือกตั้งถ้าอย่างนั้นก็ต้องกำหนดเองจะไปยากอะไรเล่า” นายกฯ กล่าว