"ทูตโปแลนด์" เข้าพบ "นายกฯ" ชื่นชมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ด้าน "นายกฯ" ขอบคุณที่เข้าใจสถานการณ์การเมืองของไทยมาโดยตลอด
ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายวัลแดมาร์ ดูบายอฟสกี (H.E. Mr. Waldemar Dubaniowski) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยพล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญการหารือ ดังนี้ นายกฯ แสดงความยินดีที่นายวัลแดมาร์ ดูบายอฟสกี ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำประเทศไทย และชื่นชมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่ดำเนินไปอย่างราบรื่นมายาวนานกว่า 100 ปี ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โดยเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์และวิสัยทัศน์ของเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ฯ จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันความร่วมมือของทั้งสองประเทศ รวมทั้งผลักดันให้มีการจัดทำความตกลงที่คั่งค้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อสานต่อความสัมพันธ์และส่งเสริมผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า นายกฯ ยังกล่าวแสดงความประทับใจต่อคำกล่าวของเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ฯ ที่ว่า ทุกประเทศล้วนมีปัญหาภายใน ซึ่งมีเหตุผล ความจำเป็น บริบทและความคาดหวังของประชาชนแตกต่างกัน สะท้อนให้เห็นถึงว่าโปแลนด์มีความเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองของไทยมาโดยตลอด รวมทั้งการสนับสนุนให้ปรับข้อมติสหภาพยุโรป (EU) ต่อไทย จนสามารถรื้อฟื้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกระดับ ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือต่างๆ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ นายกฯ ยังได้กล่าวถึง ศักยภาพเศรษฐกิจของไทยภายใต้นโยบาย Thailand+1 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์ทั้งสำหรับไทยและประเทศต่างๆ ในภูมิภาค โดยไทยมีความพร้อมและศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนของอาเซียน และเชิญชวนโปแลนด์ให้สนับสนุนและลงทุนในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติในหลายด้าน ขณะเดียวกันภาคเอกชนไทยก็ให้ความสนใจที่จะลงทุนในภูมิภาคยุโรปกลางเพิ่มมากขึ้นด้วย ขณะที่เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ฯ กล่าวชื่นชมการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีที่ผ่านมา และยืนยันความสำคัญของความร่วมมือทางการค้าการลงทุนระหว่างโปแลนด์ – ไทย โดยทั้งสองประเทศสามารถเป็นประตูการค้าให้กันและกันสู่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคของตนได้ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังพร้อมส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว และสนับสนุนให้ประชาชนของทั้งสองประเทศเดินทางไปมาหาสู่กันมากยิ่งขึ้น โดยเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ฯ ขอเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปโปแลนด์เช่นกัน
นอกจากนั้น นายกฯ และเอกอัครราชทูตโปแลนด์ ยังเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งไทยสนใจแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือด้านการศึกษา เทคโนโลยีทางการแพทย์ เกษตร อาหาร และยานยนต์ ซึ่งเป็นสาขาที่โปแลนด์มีศักยภาพอีกด้วย