‘เมืองไทยฯ’ มุ่งอินชัวร์เทคสู่ไร้เงินสด

‘เมืองไทยฯ’ มุ่งอินชัวร์เทคสู่ไร้เงินสด

"เมืองไทยประกันภัย" ฟันธงตลาดประกันภัยออนไลน์แนวโน้มโตต่อเนื่อง ชี้ลูกค้าปรับพฤติกรรมซื้อผ่านเว็บไซต์-มือถือมากขึ้น ตั้งเป้าเบี้ยออนไลน์ปีแรก 100 ล้าน พร้อมลุยปั้นอินชัวร์เทคสู่สังคมไร้เงินสด

นายวาสิต ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI กล่าวว่า ภาพรวมการซื้อประกันกันภัยออนไลน์ในปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยลูกค้ามีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อประกันผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์และมือถือมากขึ้นโดยเฉพาะประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุ และประกันเดินทาง

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยสำหรับการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งถือว่าเป็นปีแรกอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท ถือว่ายังมีสัดส่วนไม่มาก แต่มีแนวโน้มสัดส่วนเพิ่มได้ถึง 10% ของเบี้ยประกันทั้งหมดในปีนี้ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 13,500 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน แบ่งสัดส่วนเป็นประกันภัยรถยนต์ (Motor) 52% และเป็นประกันภัยที่ไม่ใช่รถ (Non-Motor) 48%

ล่าสุด บริษัทได้เข้าเป็น 1 ใน 4 พันธมิตรกับ บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ 2C2P ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ QR Gateway โดยเลือกใช้โมบายแบงกิ้งแอพพลิเคชั่นของธนาคารในการสแกน QR เพื่อชำระสินค้าและบริการตัดจากบัตรเครดิต สำหรับการซื้อประกันในระบบออนไลน์

ทั้งนี้ จะเริ่มจากบัตรวีซ่าก่อนในเฟสแรกภายในเดือนมี.ค.นี้​ และตามด้วยผู้ออกบัตรรายอื่น​ๆ เช่น​ มาสเตอร์​ การ์ด​, ยูเนี่ยน​เพย์​, เจซีบี และ​อเมริกัน​เอ็กซ์​เพรส​ ตามลำดับ

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบการชำระเงินสแกน QR ที่เป็นระบบออฟไลน์ อาจจะเป็นจุดรับ QR นำไปตั้งไว้ตามสำนักงานและสาขาของตัวแทน หรือเชื่อมโยงระบบดังกล่าวให้ลูกค้าสามารถชำระเงินได้บนโมบายแอพพลิเคชั่นของบริษัทที่คาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในไตรมาส 2 ปีนี้

“เรามองเทรนด์การพัฒนาอินชัวร์เทคไปสู่สังคมไร้เงินสด จึงเข้าไปร่วมเป็นพันธมิตรนำร่องทดสอบระบบ ซึ่งทูบีทูซีเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งหลังจากนี้น่าจะอีกหลายโมเดลที่พัฒนาทยอยออกมาให้เห็นอีก เรามองว่า เขาพัฒนาไปเร็วมาและไม่ได้ติดข้อจำกัด”

นายวาสิต กล่าวด้วยว่า สำหรับตลาดประกันวินาศภัยในช่วง 2 เดือนมานี้ยังขยายตัวได้ดี ตามภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ดี ในกลุ่มฐานราก เริ่มมีการบริโภคดีขึ้น จากมาตรการช่วยเหลือภาครัฐ ทำให้ยังมีอัตราการต่ออายุประกันวินาศภัยยังอยู่ในระดับที่ดีและมองว่าในระยะถัดไปหากการลงทุนภาครัฐการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) ของภาครัฐทยอยออกมาและการลงทุนภาคเอกชนตามมายิ่งช่วยสนับสนุนตลาดประกันวินาศภัยในปีนี้ยังเติบโตได้ตามเป้าหมาย