ดาวโจนส์ดีดตัวรับข่าว“ทรัมป์”ยืดหยุ่นแผนเก็บภาษี

ดาวโจนส์ดีดตัวรับข่าว“ทรัมป์”ยืดหยุ่นแผนเก็บภาษี

ปธน.ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์นี้ เพื่อที่จะปกป้องภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ โดยเขาจะอาศัยอำนาจตามกฎหมายฉบับหนึ่งในปี 1962 ซึ่งให้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐในการออกคำสั่งประธานาธิบดี

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (8 มี.ค.)ดีดตัวขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงท่าทียืดหยุ่นในการบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมต่อประเทศคู่ค้าบางประเทศด้วยการประกาศขึ้นภาษีเหล็ก 25% และอลูมิเนียม 10% โดยยกเว้นแคนาดา และเม็กซิโก รวมทั้งชาติพันธมิตรบางประเทศ เมื่อเวลา 15.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 03.00 น.ตามเวลาประเทศไทย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 93.85 จุดหรือ 0.38% ปิดที่ 24,895.21 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 12.17 จุดหรือ 0.45% ปิดที่ 2,738.97 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 31.30 จุดหรือ 0.42 % ปิดที่ 7,427.95 จุด

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์อาจยกเว้นการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่อแคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่าทั้งสองประเทศจะได้รับการผ่อนผันเป็นเวลา 30 วัน โดยขึ้นอยู่กับความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟต้า) ที่เป็นธรรม

ถ้อยแถลงดังกล่าวบ่งชี้ว่า ญี่ปุ่นและชาติพันธมิตรอื่นๆของสหรัฐอาจได้รับการยกเว้นจากภาษีครั้งนี้ 

โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า “สหรัฐจะพิจารณาเป็นรายกรณีและรายประเทศ แต่ก็จะประเมินด้วยว่ามีข้อกำหนดยกเว้นตามเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติหรือไม่”

ด้านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกันจำนวน 107 คนได้ลงนามในหนังสือฉบับหนึ่งเพื่อเรียกร้องให้ปธน.ทรัมป์ทบทวนมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม

“เราขอเรียกร้องให้ท่านประธานาธิบดีทบทวนแนวคิดการเรียกเก็บภาษีในวงกว้าง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และแรงงานของสหรัฐ” เนื้อหาตอนหนึ่งในหนังสือดังกล่าวระบุ

หนังสือฉบับนี้ได้ยกย่องการประสบความสำเร็จในการปฏิรูประบบภาษีของรัฐบาล แต่เตือนว่า การเพิ่มภาษีใหม่ในรูปแบบของการเรียกเก็บภาษีนำเข้าแบบครอบจักรวาล จะบ่อนทำลายความคืบหน้าที่เกิดขึ้น

สมาชิกพรรครีพับลิกันระบุว่า แทนที่จะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อเหล็กนำเข้าทั้งหมด และ 10% ต่ออลูมิเนียมนำเข้าทั้งหมด ปธน.ทรัมป์ควรมุ่งเน้นไปที่การทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเรียกเก็บภาษีนำเข้าได้

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากดิ่งลงแตะระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 157 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513