'ครูปรีชา' รับเพิ่งรู้ผู้การฯถูกย้าย ยันไม่รู้จักส่วนตัว

'ครูปรีชา' รับเพิ่งรู้ผู้การฯถูกย้าย ยันไม่รู้จักส่วนตัว

"ครูปรีชา" รับเพิ่งรู้ "ผู้การฯกาญจน์" ถูกย้าย ยันไม่รู้จักส่วนตัว พร้อมกล่าวขอโทษ ชี้มั่นใจว่าสลากฯเป็นของตน

เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ 22 ก.พ.61 นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษีได้อาศัยช่วงหยัดพักเที่ยง เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามข้อสงสัย ที่ห้องเรียนชั้น 2 (อาคารหลวงปู่ดี)โรงเรียนเทพมงคลรังษี ซึ่งครั้งนี้มีสื่อมวลชนร่วมซักถามเป็นจำนวนมาก โดยสื่อมวลชนถามว่า ล่าสุดมีคำสั่งย้ายพล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ไปประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เนื่องจากอาจจะไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนวนนคดี และส่วนตัวครูปรีชาเองมีความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.สุทธิ หรือไม่

นายปรีชา ตอบว่า ในส่วนเรื่องของการย้ายผู้บังคับการตำรวจจังหวัดกาญจนบุรี ก็ได้รับรู้จากสื่อมวลชน ซึ่งมีสื่อมวลชนหลายคนถามว่าครูมีความสนิทสนมกับผู้การตำรวจหรือไม่ ขอเรียนว่า ครูไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เพียงแต่ว่าเหตุของเรื่องก็เกิดมาจากเรื่องของลอตเตอรีรางวัลที่หนึ่งของครูหาย และได้มีการเดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก เพื่อลงบันทึกประจำวันเอาไว้เท่านั้นเอง นี่เป็นเรื่องจริง ซึ่งการถูกย้ายของผู้การถ้ามาจากกรณีหวย 30 ล้าน ตัวผมเองก็ต้องกราบขอโทษ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดี แต่ต้องมาถูกสั่งย้าย เหตุเพราะว่าเรื่องเกิดจากลอตเตอรีรางวัลที่ 1 ของผมหาย ก็ได้เดินทางไปแจ้งความที่โรงพักโดยได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้เท่านั้นเอง ซึ่งถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เรื่องกรณีหวยสามสิบล้านนี้ตัวผมเองก็ต้องกราบขอโทษท่านด้วย แต่ทั้งนี้ขอยืนยันว่าไม่ได้มีความรู้จักกันเป็นส่วนตัวกับท่านแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วทำไมผู้การจึงเข้ามาพูดคุยปัญหาระหว่างหมวดจรูญ กับครูปรีชาได้ นายปรีชา ตอบว่า ที่เขามาคุยครูไม่ได้ทราบนะครับ แต่ว่าของครูคือการไปแจ้งความที่โรงพักเมืองกาญจน์ จากนั้นทางพนักงานสอบสวน ก็ได้แจ้งมาที่ครูบอกว่า ทางผู้บังคับการฯขอให้ครูได้ไปเล่าเรื่องราว แล้วก็ให้เอาหลักฐานไปให้ดู ซึ่งครูก็ได้ไปกับพนักงานสอบสวน และก็มีญาติของครูไปด้วย โดยไปที่ที่ทำงานงานของท่านเท่านั้นเอง

ส่วนเรื่องของการแก้ไขสำนวน คือเวลาครูถูกพนักงานสอบสวนให้ไปให้ปากคำ การบันทึกปากคำครูก็ได้ให้ปากคำไปตามความเป็นจริง พนักงานสอบสวนเขาก็ไม่ได้ทำความผิด ส่วนเรื่องสำนวนนั้น ครูก็ยังไม่เห็น ก็คือท่านก็ถามเราในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งครูก็ให้ไปตามความเป็นจริงโดยหลังจากเกิดเรื่องขึ้นมาก็ได้พบกับผู้การฯ 2 ครั้ง ครั้งแรกไปกับพนักงานสอบสวนฯ และครั้งที่สองก็ได้ไปกับญาติ ซึ่งท่านผู้การฯบอกว่าหากมีหลักฐานก็ให้เอาไปให้เพิ่มเติมเพราะว่าทางพนักงานสอบสวนจะเอาไปนำเรียนในเรื่องของสำนวน ซึ่งก็ได้เอาไปให้ที่ทำงานที่ท่านอยู่ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งมาประมาณบ่ายสองซึ่งการมาทั้งสองครั้งก็มีพนักงานสอบสวนมาด้วยโดยครั้งแรกที่มาพบประมาณวันที่ 29 พ.ย.60 ครั้งที่สอง ประมาณวันที่ 1 ธันวาคม 60

เมื่อถามว่า มีรายงานว่าที่ลิ้นชักของพนักงานสอบสวน มีการถูกรื้อค้นและมีเอกสารบางส่วนหายไป ตรงนี้ครูทราบหรือไม่ นายปรีชา เผยว่าตรงนี้ไม่ทราบเลยครับ และไม่รู้เรื่องเลย เพิ่งมาทราบจากนักข่าวนี่แหละ ถามว่าเมื่อมีการรื้อค้นแล้วเอกสารหายไปครูกังวลใจหรือไม่ว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อรูปคดี ตอบว่าก็ไม่ได้กังวลใจอะไรเพราะว่าเราเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหนก็ดำรงในความยุติธรรมอยู่แล้ว ถามว่าสำหรับเรื่องการย้ายผู้การนั้นจะส่งผลกระทบต่อรูปคดีหรือไม่"ตอบว่า คือเรื่องของคดีรูปคดีที่ออกมาจะต้องเป็นเรื่องจริง ความจริงก็คือความจริง คดีนั้นก็คือความจริง และหากถึงแม้มีแนวโน้มว่าครูเป็นผู้กระทำผิด ก็ไม่เคยคิดที่จะหนีไปไหน ครูก็สอนหนังสืออยู่ตามเดิม

พยานของครูมีเพียงแค่นางรัตนาพรสุภาทิพย์หรือเจ้บ้าบิ่น น.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ้พัช และนางปณัญชยา สุขพูล เจ้เกียวเท่านั้น ส่วนพยานอื่นๆนั้นเป็นเรื่องของสำนวน และขณะนี้เป็นเรื่องของคดีความ จึงขอสงวนเอาไว้ก่อนซึ่งข้อมูลอันไหนให้ได้ครูก็ก็จะบอก สำหรับพยานแวดล้อมนั้นมีอยู่หลายคน ส่วนคนที่ครูแดง นั้นบอกตรงๆว่าครูไม่เคยรู้จักเลย

“ไหนๆนักข่าวก็มาถามครูแล้วก็อยากจะบอกนักข่าวว่า คดีนี้บางครั้งน้ำหนักของคดีไปอยู่ทางโน้นบางครั้งน้ำหนักของคดีก็พลิกกลับมาอยู่ทางนี้เคยถามหรือไม่ว่าเอาตาชั่งที่ไหนมาชั่ง และถึงแม้วันที่ 28 ก.พ.นี้ผลจะออกมาอย่างไร ครูก็สบายใจ ถึงแม้กระบวนการของตำรวจ จะมีน้ำหนักไปทางหมวดจรูญ แต่ในเรื่องของกระบวนการศาลก็ต้องเดินหน้าหน้ากันต่อไป ซึ่งก็ต้องมีการฟ้องร้องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญากันต่อไป ส่วนเรื่องของพยานและหลักฐานต่างๆก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวน ซึ่งเราก็ต้องชี้แจงกับเขาให้ได้ และเราเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของตำรวจเสมอ” นายปรีชา ระบุ

ขณะที่เรื่องทนายครูได้เตรียมทนายเอาไว้นานแล้ว ไม่ใช่ว่าเพิ่งมาเตรียม ทนายก็เป็นผู้ที่ต้องช่วยลูกความเมื่อเรามีคดีความ เราก็อยากได้ทนายที่ดีๆ ที่เป็นมืออาชีพจริงๆในการมาดูแลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกความ ดังนั้นทนายเองก็ต้องเชื่อมั่นในหลักฐานที่ลูกความมี

"ครูจะขอตอบเป็นครั้งสุดท้าย เพราะที่ผ่านมานักข่าวถามครูบ่อยมาก ครูขอยืนยันว่า หวยชุดนี้ มันมีชุดเดียว และครูได้ซื้อมาเรียบร้อยแล้ว รับมาเรียบร้อย และมาหล่นหาย จึงมีการแจ้งความจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั้งประเทศ และขอบอกตรงนี้เลยว่า ทุกวันนี้ยังเชื่อมั่นและมั่นใจด้วยว่าหวยชุดนี้เป็นของครูอย่างแน่นอน โดยหลังจากนี้ก็ต้องมาพิสูจน์ทรัพย์กันต่อไป เพราะว่ามันหล่นหาย" นายปรีชา กล่าว