วิชั่น ‘เอปสัน’ โตแกร่งสนามเครื่องพิมพ์

วิชั่น ‘เอปสัน’ โตแกร่งสนามเครื่องพิมพ์

อีก 3 ปี เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทจะสร้างมาตรฐานใหม่การพิมพ์ในสำนักงานแทนที่เลเซอร์

แม้ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทกับทั้งภาคธุรกิจและการใช้ชีวิต พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทว่าเครื่องพิมพ์ยังเป็นหนึ่งในธุรกิจไอทีที่สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้การจะอยู่รอดได้แค่มีผลิตภัณฑ์ที่ดีอาจยังไม่เพียงพอ จำต้องพัฒนาโมเดลธุรกิจที่เข้าถึง มีสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ ปรับเปลี่ยนได้ตามกระแสของเทคโนโลยีและความต้องการตลาดที่ผันแปรอยู่ตลอดเวลา

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไปด้านการขาย ผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายธุรกิจปี 2561 ตั้งเป้าเติบโต 7% โดยหากแยกตามตลาดหวังผลักดันให้ประเทศไทยเติบโตไม่น้อยกว่า 5% ตลาดต่างประเทศ 15%

สำหรับธุรกิจหลักที่โฟกัสประกอบด้วย เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทความเร็วสูงสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ เลเซอร์โปรเจคเตอร์ และหุ่นยนต์แขนกล

เขากล่าวถึงกลยุทธ์สำหรับปีนี้ว่า ยังคงยึดแนวทางในการทำธุรกิจที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจเป็นหลัก เอปสันพร้อมเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่เอสเอ็มอีไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่

ทั้งนี้ กำหนดกลยุทธ์ไว้ 4 ด้านประกอบด้วย โซลูชั่นสำหรับลูกค้า โดยการรวมเทคโนโลยีของเอปสันเข้าด้วยกันและออกแบบเป็นโซลูชั่นเพื่อรองรับธุรกิจของลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะ พิจารณาจากประเภทธุรกิจ กระบวนการ และขั้นตอนการทำงาน รวมถึงเป้าประสงค์ทางธุรกิจของลูกค้า เพื่อให้โซลูชั่นของเอปสันสามารถสนับสนุนการทำงานได้อย่างลงตัว

กลยุทธ์ที่สองคือ เน้นเชิงมูลค่า (Customer Values) ซึ่งบริษัทจะพิสูจน์ให้ลูกค้าได้เห็นถึงคุณค่าที่จะได้รับเมื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของเอปสัน เช่น ด้านคุณภาพ การลงทุน ความน่าเชื่อถือ หรือการประหยัดพลังงาน

ส่วนกลยุทธ์ที่สามคือ พัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย (Convenience Channel) ขยายเครือข่ายตัวแทนขายให้ครอบคลุมตลาดเป้าหมาย รวมไปถึงช่องทางจำหน่ายเฉพาะทางสำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภทอย่าง เช่น แว่นตาอัจฉริยะ หุ่นยนต์แขนกล

กลยุทธ์สุดท้ายคือ การสื่อสาร (Communications) เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจในอุตสาหกรรมสามารถจดจำแบรนด์และคุณค่าด้านต่างๆ ผ่านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมการตลาด

นอกจากนี้ เอปสันทั่วภูมิภาคเอเชียยังออกแคมเปญสื่อสารการตลาด “It’s In The Details” สอดรับกับวิสัยทัศน์ของบริษัทแม่ที่ต้องการตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าองค์กรธุรกิจว่าผลิตภัณฑ์ของเอปสันมีประสิทธิภาพ พร้อมสำหรับการเชื่อมโยงผู้ใช้เทคโนโลยี และข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกัน 

“เอปสันได้ออกแบบ พัฒนา และผลิตทุกชิ้นส่วนโดยใส่ใจในทุกรายละเอียด ที่ผ่านมาจึงสามารถทำงานให้กับองค์กรของลูกค้าได้อย่างดี ภายใต้แคมเปญนี้ เอปสันจะถ่ายทอดเรื่องราวของรายละเอียดในเทคโนโลยีหลักของบริษัทผ่านสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงกิจกรรมการตลาดต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงความคุ้มค่าเมื่อเลือกลงทุนกับบริษัท”

พาเหรดสินค้าใหม่ลงตลาด

ผู้บริหารเอปสันบอกว่า จะยังคงเปิดตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับความต้องการด้านการพิมพ์ในธุรกิจทุกขนาด

ส่วนผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์ ไฮไลท์ปีนี้จะอยู่ที่เลเซอร์โปรเจคเตอร์ที่มีทั้งความทนทานใช้งานได้นาน ถึง 20,000 ชั่วโมง ทนความร้อนสูง ใช้งานได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยคุณภาพไม่ตก ขณะเดียวกันมีประสิทธิภาพในการฉายภาพ ระดับ 4เค ด้วยความต่างระหว่างสีดำและสีขาวสูง สามารถแสดงภาพที่มีความลึก รายละเอียดภาพสูง รวมถึงแสดงภาพแบบ 3 มิติได้อย่างดี ทั้งยังมีความยืดหยุ่นสูง สามารถติดตั้งได้แบบ 360 องศา ไม่ว่าจะเอียงไปมุมไหน ความสว่างของภาพก็ไม่ลดลง ฉายบนพื้นผิวหลายรูปแบบ เช่น ฉากโค้ง เข้ามุม และยังเชื่อมการฉายภาพหลายเครื่องแบบไร้รอยต่อ ปรับภาพฉายให้ลงตัวตามสัดส่วนของฉากรับภาพได้แม่นยำ

“เลเซอร์โปรเจคเตอร์กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เราเองกำลังเพิ่มจำนวนรุ่นจนครอบคลุมเครื่องในความสว่างระดับกลางที่ 5,000 ลูเมนท์ จากเดิมที่มีอยู่แต่เครื่องระดับบนและในปีนี้มีแผนทฝเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 5 รุ่น ในทุกช่วงระดับความสว่างทั้ง 2,000 ลูเมนท์ สำหรับลูกค้าในธุรกิจร้านค้าขนาดเล็ก หรือใช้ตามบ้าน เครื่อง 4,000 - 6,000 ลูเมนท์ สำหรับสถาบันศึกษาและองค์กรธุรกิจ และ 6,000 ลูเมนท์ขึ้นไป เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่และต้องการภาพขนาดใหญ่ที่มีความสว่างและความละเอียดของภาพสูง เช่น ห้องจัดงานเลี้ยง หอประชุม โรงละคร พิพิธภัณฑ์ หรืองานอีเว้นท์เอาท์ดอร์”

สุดท้ายคือกลุ่มหุ่นยนต์แขนกล เอปสันเริ่มนำหุ่นยนต์แขนกล “SCARA Robot” และ “6-Axis Robot” เข้ามาทำตลาด โดยเหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำสูง ใช้งานในพื้นที่จำกัดได้ดี เนื่องจากมีขนาดกระทัดรัด ยืดหยุ่น ทั้งยังใช้ระบบควบคุมการเคลื่อนไหว ช่วยลดความสั่นสะเทือนและเข้าถึงตำแหน่งได้รวดเร็ว มีระบบวิชั่นช่วยเพิ่มความสามารถในการรับรู้และแยกแยะประเภทวัตถุ ตรวจสอบ คุณภาพและรับรู้ตำแหน่งวัตถุ ด้ายตลาดเป้าหมายของเอปสันอยู่ที่กลุ่มโรงงานผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ดี นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ทำให้หลายอุตสาหกรรมตื่นตัวในการนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ในสายการผลิต เพื่อเพิ่มผลิตผล ปรับปรุงคุณภาพผลผลิต ลดต้นทุน และ พัฒนาศักยภาพการทำงาน มีการคาดการณ์ว่าภาคการผลิตของประเทศไทยราว 50% จะเริ่มใช้งานหุ่นยนต์และ ระบบอัตโนมัติภายใน 1 - 3 ปี ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางจะพร้อมในอีก 3 - 5 ปี

รายได้ปี 60 ไม่พลาดเป้า

ยรรยงเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2560 สามารถรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ตามเป้าที่ 7% แยกตามประเทศ ตลาดประเทศไทยเติบโต 6% ตลาดต่างประเทศภายใต้การดูแลของเอปสัน ประเทศไทย ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และปากีสถาน รวมผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้น 14%”

อย่างไรก็ดี สำหรับประเทศไทย กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 7% และยังรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 46% เป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทแบบ ตลับหมึกและเลเซอร์พรินเตอร์ขาวดำรุ่นเล็กมาใช้อิงค์แท็งค์แทน ประโยชน์ที่ได้ครอบคลุมทั้งการประหยัดต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่น การใช้งานพิมพ์สี พิมพ์ได้ปริมาณที่สูงขึ้น ที่ผ่านมาเอปสันยังเป็นแบรนด์ “Top of Mind” ของผู้บริโภค ด้วยเป็นรายแรกที่ออกจำหน่ายเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ตั้งแต่ปี 2553และเป็นผู้นำตลาดมาโดยตลอด ขณะนี้นับว่ามีรุ่นผลิตภัณฑ์มากกว่าคู่แข่ง ได้รับการยอมรับทั้งในเรื่องประสิทธิภาพและความทนทาน

ส่วนของโปรเจคเตอร์ ยอดขายเติบโตขึ้น 6% และยังเป็นเจ้าตลาดด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 46% ปัจจัยสนับสนุนมาจากการที่บริษัทสามารถจำหน่ายเครื่องระดับกลางและระดับบนได้มากขึ้น บวกกับมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ระดับมืออาชีพสามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 9% เนื่องจากธุรกิจโฟโต้แล็บมีการขยายตัวอย่างมากและนิยมใช้ระบบดิจิทัลกันมากขึ้น รองรับทุก ประเภทงานพิมพ์ ปัจจุบันกลุ่มนี้มีอยู่มากกว่า 650 แล็บทั่วประเทศ รวมใช้พรินเตอร์ของเอปสันมากกว่า 1,000 เครื่อง

ด้านตลาดต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์ที่เติบโตสูงสุดคือเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ซึ่งขยายตัวถึง 70% ประเมินขณะนี้ตลาดเริ่มให้การยอมรับ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ส่วนโปรเจคเตอร์เติบโตขึ้น 43% มีตลาดสถาบันการศึกษาและองค์กรธุรกิจเป็นตลาดสำคัญที่เริ่มนำเครื่องระดับกลางและระดับบนไปใช้มากขึ้น มากกว่านั้นเอปสันเดินหน้าสร้างตลาดใหม่ต่อเนื่องผ่านเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากจำนวนเครื่องพิมพ์ทั้งหมดที่จำหน่ายในปี 2560 ตลาดรวมมียอดขายกว่า 1.3 ล้านเครื่อง มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 78% อยู่ในองค์กรธุรกิจ และ 22% เป็นตลาดคอนซูเมอร์ ปัจจุบันจากทั้งสองตลาดเครื่องพิมพ์ประเภทอิงค์เจ็ทครองส่วนแบ่งส่วนใหญ่อยู่ ขณะที่ปริมาณความต้องการใช้เครื่องพิมพ์เลเซอร์ในตลาดธุรกิจลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับยอดขายของอิงค์ที่เพิ่มสูงขึ้น จนเอปสันเชื่อว่าภายใน 3 ปีจากนี้ หรือปี 2563 เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทจะขึ้นมาเป็นมาตรฐานการพิมพ์ใหม่ขององค์กรธุรกิจ ด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 75% หรือ 3 ใน 4 ของเครื่องพิมพ์ทั้งหมดในตลาดองค์กรธุรกิจ

ชูจุดแข็งการบริการ

นอกจากผลิตภัณฑ์ เอปสันให้ความสำคัญอย่างมากกับการบริการ อนันต์พล นนทพันธุ์ ผู้จัดการทั่วไปด้านการบริการและบริหารองค์กร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า มีการพัฒนาระบบการให้บริการลูกค้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อยกระดับ ความพึงพอใจของลูกค้า

ล่าสุด มีการนำระบบซีอาร์เอ็มแบบบูรณาการ(Service CRM Integrate System) ซึ่งประกอบด้วย การบริหารจัดการคอลเซ็นเตอร์ (Call Center Management) ที่นอกจากจะตอบคำถาม ให้คำแนะนำ และรับเรื่องจากลูกค้าแล้ว ยังรวบรวมข้อมูลคำถามและความสนใจด้านต่างๆ ของลูกค้าไว้ มาวิเคราะห์เชิงลึก ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งต่อไปยังระบบต่างๆ เพื่อใช้กำหนดรูปแบบงานบริการด้านต่างๆ ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละประเภท ทั้งด้านการรับประกันและการเคลม การบริการ ซ่อมแซม รวมถึงการตรวจซ่อมหน้างาน

บริษัทมีแผนเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ณ จุดสัมผัสบริการจุดแรก (First Touch Point Services) โดยจะมีทีมช่างเทคนิคที่พร้อมจะเข้าระบบ Service CRM Mobile ทันทีเพื่อทำการวิเคราะห์ วินิจฉัยอาการเครื่องแบบเรียลไทม์จากระยะไกล ไปพร้อมกับการตรวจสอบเครื่องหน้างานของช่างจากศูนย์บริการ ทั้ง 147 แห่งทั่วประเทศ ระบบนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าจะได้รับการแก้ปัญหาที่ตรงจุด หลีกเลี่ยงการเสียค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อน ประหยัดเวลา ทั้งยังสามารถทราบถึงการดูแลในลำดับต่อไป หรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 

นอกจากนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์ธุรกิจทุกประเภท จัดเตรียมชิ้นส่วนอะไหล่และเครื่องสำรอง พร้อมที่จะส่งไปให้บริการทันที ในกรณีที่เครื่องลูกค้าต้องใช้เวลาซ่อมนานกว่า 3 วัน มีโปรแกรมขยายระยะประกัน สินค้า(Cover Plus) ที่ช่วยให้ลูกค้าอุ่นใจยิ่งขึ้นจากการรับประกันของบริษัท

“บริการหลังการขายเป็นสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญอย่างมาก เอปสันมีโปรแกรมพัฒนาทักษะวิศวกรของและของคู่ค้าอย่างต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ทำให้ปัจจุบัน มีทีมช่างที่มีความสามารถสูง รู้จักและเข้าใจเทคโนโลยีเป็นอย่างดีกระจายอยู่ทั่วประเทศ ฉะนั้นจึงมั่นใจได้ว่าลูกค้าองค์กรที่เลือกลงทุนกับเอปสันไม่เพียงแต่จะสามารถไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของเอปสัน แต่จะพอใจกับบริการที่ได้รับ”

ดันอาเซียนโตแกร่ง

โตชิมิตสุ ทานากะ กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เอปสัน สิงคโปร์ จำกัด กล่าวว่า ทุกธุรกิจของเอปสันสามารถสะท้อนถึงความใส่ใจในทุกเรื่องรายละเอียดและนวัตกรรม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เอปสัน ภูมิใจอย่างมาก จุดแข็งที่ไม่ซ้ำใครของเอปสันคือโมเดลธุรกิจแบบบูรณาการในแนวดิ่ง ที่ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอน การออกแบบเทคโนโลยีหลัก การพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงการผลิตสินค้าด้วยตัวเอง แนวทางดังกล่าวช่วยให้ บริษัทฯ ได้รับรู้ถึงความคิดเห็นของลูกค้า ซึ่งยิ่งทำให้เรามองเห็นถึงรายละเอียดมากยิ่งขึ้นสำหรับการพัฒนาสินค้า การวางแผนและให้บริการลูกค้าต่อไป”

“ปีงบประมาณ 2560 บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีการใช้งบประมาณด้านวิจัยและพัฒนาราว 5.4 หมื่นล้านเยน คิดเป็น 5.2% ของรายได้ประมาณการตลอดทั้งปี หรือเท่ากับว่าทุกๆ วันเอปสันได้ลงทุนทำวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมด้วยงบประมาณถึง 1.6 หมื่นล้านบาท”

เอปสันกำหนดวิสัยทัศน์ที่เรียกว่า “Epson 25” ตั้งเป้าให้ปี 2025 (พ.ศ.2568) เป็นปีที่เอปสันจะสามารถสร้างยุคแห่งการเชื่อมโยงคน สิ่งของ และข้อมูลเข้าด้วยกัน (Connected Age) ผ่าน 4 เทคโนโลยีได้แก่ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์สื่อสารทางภาพ อุปกรณ์สวมใส่ติดตัว และ หุ่นยนต์

ปี 2560 ที่ผ่านมา ทั้ง 4 กลุ่มเทคโนโลยีดังกล่าวได้ช่วยกันขับเคลื่อนธุรกิจของเอปสันให้เติบโตได้ด้วยดี บริษัทคาดการณ์ว่าธุรกิจโดยรวมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 9% ในปีงบประมาณ 2560 และจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในอีก 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 7%