'สมคิด' มั่นใจเศรษฐกิจไทยดีขึ้นต่อเนื่อง

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะดีอย่างต่อเนื่อง จากการลงทุนภาครัฐ การเร่งรัดการใช้จ่ายและการลงทุนทั้งภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ การบริโภคภาคประชาชน การส่งออกที่จะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาที่เติบโตได้เกือบ 10% ขณะที่ปีนี้กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าการส่งออกจะเติบโตที่ระดับ 6% แต่โดยส่วนตัวมองว่า จะเติบโตได้มากกว่านี้แน่นอน ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดี ส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยด้วย แต่ทั้งนี้ การส่งออกจะเติบโตดีได้อย่างยั่งยืน ภาคอุตสาหกรรมจะต้องปรับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนกลุ่มเอสเอ็มอีเริ่มต้นให้มีศักยภาพ มีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้แข่งขันได้

"ตอนนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจผ่านคำว่าทรุดแล้ว ทุกอย่างเริ่มดี มันคือไทยแลนด์เทคออฟจริงๆ เพราะการเบิกจ่ายลงทุนรัฐ รัฐวิสาหกิจดี เรื่องความเชื่อมั่นล่าสุดก็สูงสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งเชื่อว่า เรื่องความเชื่อมั่นเป็นเรื่องสำคัญต่อการบริหารงานเศรษฐกิจ หากห่อเหี่ยว ขาดการบริโภค ทุกอย่างจะลำบาก แต่หากมันฟื้นก็เชื่อว่า จะทำให้การบริโภคฟื้นตัวดีขึ้นตามไปด้วย และในปีนี้เชื่อว่า จะมีเม็ดเงินจากการลงทุนจากต่างประเทงไม่น้อยกว่า 720,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน เนื่องจากปีนี้จะมีโครางการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการที่จะเห็นเป็นรูปธรรม และขอให้มั่นใจ ว่าเศรษฐกิจจะไปได้ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวจะกระจายไปสู่ภูมิภาค ชุมชน เพื่อให้การเจริญเติบโตกระจายตัว และสร้างรายได้ให้เพียงพอกับพี่น้องทุกภาคส่วน" นายสมคิด กล่าว

ส่วนกรณีที่มีกระแสทางการเมืองเข้ามาโจมตีอีกครั้งนั้น ยืนยันว่า ไม่บั่นทอนความรู้สึกในการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะเชื่อว่าทุกฝ่ายอยากเห็นการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลก็พยายามที่จะเร่งดำเนินการวางนโยบายต่างๆ เพื่อให้ฝ่ายการเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งยืนยันไม่เป็นห่วงหากในอนาคตภาคการเมืองจะไม่สานต่อนโยบายที่รัฐบาลชุดนี้ทำไว้ โดยมองว่าหากเห็นว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ก็สามารถนำไปสานต่อได้ แต่หากเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์ก็ไม่ต้องนำไปใช้ได้เช่นกัน

นายสมคิด ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ ผู้บริหารของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ถูกจับในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน และร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ว่า ปัจจัยดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และไม่ทำให้บรรยากาศการลงทุนเสียไป เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลกระทบต่อตัวนักลงทุน ซึ่งขณะนี้ยังคงเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่จะเข้าลงทุนของนักลงทุนต่างๆ ขณะเดียวกันพร้อมเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นผลกระทบที่เกิดกับตัวผู้บริหารอย่างเดียว ไม่ได้กระทบกับภาพรวมของบริษัทด้วย ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด