ขีดเส้นปิดคดี 'พานทองแท้' ภายในมี.ค.นี้

ขีดเส้นปิดคดี 'พานทองแท้' ภายในมี.ค.นี้

อัยการร่วมสอบคดีฟอกเงิน "พานทองแท้" คาดสรุปสำนวนภายใน มี.ค.นี้ แจงตัดพยานที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงออก ยันสอบสวนตามหน้าที่ ไม่กลั่นแกล้งใคร

นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 ในฐานะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงินจากการอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานครกล่าวถึงกรณี นายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความนายพานทองแท้ ชินวัตร ออกมาระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จากพนักงานสอบสวน และการถูกตัดบัญชีพยานตามที่ร้องขอมาว่า ก่อนหน้านี้ทนายความนายพานทองแท้ ได้ยื่นหนังสือขอให้สอบปากคำพยานเพิ่มเติม จำนวน 21 ปาก โดยระบุว่าเป็นพยานปากสำคัญในคดี ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า ควรสอบเพียงแค่ 8 ปาก เนื่องจากพิจารณาแล้วว่ามีความเกี่ยวข้องโดยตรง ส่วนที่เหลือเป็นพยานที่ไม่มีความเกี่ยวข้องจึงได้ตัดออกไป โดยคณะพนักงานสอบสวนได้นัดสอบปากคำพยานดังกล่าวเมื่อ 16-17 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่พยานไม่มาพบพนักงานสอบสวนและขอเลื่อนเข้าให้ปากคำเป็นวันที่ 4 ก.พ. ซึ่งหลังวันที่กำหนดนัดยังไม่ทราบว่าจะเลื่อนอีกหรือไม่

นายขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า การสอบสวนคดีฟอกเงินทำในรูปของคณะพนักงานสอบสวนไม่มีใครมาเป็นผู้ชี้นำในคดี เนื่องจากหลักฐานของคดีดังกล่าว มาจากพยานเอกสารของคตส.และปปง.เป็นหลัก ไม่ใช่พยานบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องมีการกลั่นแกล้งผู้ใด และการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมให้จำนวน 8 ปาก ตามที่จำเลยร้องขอถือว่า มีความเหมาะสมแล้ว เนื่องจากคดีนี้จำเป็นต้องให้เวลาคณะพนักงานสอบสวนฯสรุปสำนวนคดีเพื่อส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาก่อน ส่วนพนักงานอัยการอาจมีความเห็นสั่งสอบพยานเพิ่มเติมอีกหรือไม่ก็แล้วแต่ดุลพินิจ หากส่งสำนวนกระชั้นชิดเกินไป ก็เกรงจะถูกกล่าวหาว่ามีการกลั่นแกล้งอีก จึงขอความเป็นธรรมให้กับคณะพนักงานสอบสวนด้วย อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ โดยคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในเดือนธ.ค.61

"ส่วนตัวไม่กังวล หากผู้ใหญ่เห็นควรให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน ผมเป็นข้าราชการต้องทำตามหน้าที่ ไม่ได้มีอคติกลั่นแกล้งคน หากสามารถชี้แจงที่มาของเงินจำนวน 26 ล้านบาท กับ 10 ล้านบาท ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรได้ทุกอย่างก็จบ" นายขจรศักดิ์กล่าว