เอกสารชัด! 'บ้านสุขาวดี' พัทยารุกที่สาธารณะริมทะเลกว่า 11 ไร่

เอกสารชัด! 'บ้านสุขาวดี' พัทยารุกที่สาธารณะริมทะเลกว่า 11 ไร่

จนท.ตรวจสอบพบ "บ้านสุขาวดี" พัทยารุกที่สาธารณะริมทะเลกินพื้นที่กว่า 11 ไร่ ด้านรองนายกเมืองพัทยาสนธิกำลังบูรณาการลงพื้นที่ตรวจสอบสั่งผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 23 ม.ค.61 นายวิเชียร พงษ์พานิชย์ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายประพันธ์ ประทุมชุมภู ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอบางละมุง เจ้าหน้าที่จากสำนักการช่างเมืองพัทยา สำนักงานเจ้าท่าพัทยา และสำนักงานที่ดิน รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจ ลงพื้นที่ตรวจสอบแนวเขตที่ดินสาธารณะ บริเวณด้านหลัง "บ้านสุขาวดี" ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

หลังได้รับรายงานว่ามีการปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายในพื้นที่สาธารณะริมทะเล อีกทั้งยังมีการปิดทางถนนสาธารณะโดยมีการก่อสร้างกำแพงปิดกั้นและก่อสร้างอาคารเพื่อใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังฝ่าฝืนคำสั่งที่เมืองพัทยาห้ามไม่ให้มีการใช้รถโดยสารขนาดใหญ่วิ่งรับส่งนัก ท่องเที่ยวบนทางฟุตปาธสาธารณะริมชายหาดจนทำให้ถนนเกิดความเสียหาย โดยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้มีตัวแทนจากบ้านสุขาวดี เข้าร่วมสังเกตุการณ์และให้ข้อมูลเบื้องต้น

นายวิเชียร พงษ์พานิชย์ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า จากการตรวจสอบแผนที่โดยสังเขป และการรังวัดของสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาอำเภอบางละมุง หลังจากที่เมืองพัทยาประสานให้ลงมาตรวจสอบที่สาธารณะประโยชน์ พบว่าแปลงที่ดินส่วนหนึ่งบริเวณที่ติดกับทางฟุตปาธริมทะเล ซึ่งตามเอกสารระบุว่าเป็น "ทะเล" ในพื้นที่ 11 ไร่เศษ ซึ่งมีแนวติดกับที่ดินของวัดช่องลม นาเกลือนั้น ปัจจุบันมีสภาพเป็นที่ดินแปลงขนาดใหญ่ ที่พบว่าทางบ้านสุขาวดีได้ทำการจัดตกแต่งสวน พร้อมปลูกสร้างอาคารขนาดใหญ่หลายอาคาร

รวมทั้งมีการจัดทำรั้วบริเวณริมฟุตปาธชายทะเลคล้ายเป็นที่ส่วนบุคคล ซึ่งอาคารเหล่านี้ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่าไม่ได้มีการขออนุญาตก่อสร้าง ด้วยเหตุที่ไม่สามารถอนุญาตได้เนื่องจากเป็นที่สาธารณะประโยชน์ ขณะที่แปลงที่ดินดัง กล่าวแต่เดิมนั้นทางบ้านสุขาวดี เคยยื่นร้องขอเพื่อออกโฉนดมาก่อน แต่ช่วงนั้นได้มีคำสั่งระงับและไม่อนุญาตให้ได้ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นที่ดินแปลงนี้เกิดขึ้นมาจากการถมทะเลโดยไม่ใช่ที่งอกขึ้นเองตามธรรมชาติจึงถือว่าที่ดินแปลงนี้เป็นที่สาธารณะ ซึ่งหลังจากนี้เมืองพัทยาจะได้ดำเนินการเสนอตามขั้นตอนของกฎหมายในส่วนของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารต่อไป

นายวิเชียร กล่าวต่อไปว่า นอกจากแปลงที่ดินขนาดใหญ่ริมทะเลแล้ว จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าภายในขอบเขตของบ้านสุขาวดี มีทางถนนสาธารณะประโยชน์ขนาด 6x150 เมตร จำนวน 1 เส้น ที่ต่อเชื่อมจากถนนสาธารณะของซอยบางละมุง 8 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งมีการระบุไว้ว่ามีการยกให้เป็นทางสาธารณะประโยชน์ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2530 ที่ผ่านมา แต่ต่อมาพบว่าทางบ้านสุขาวดี ได้ทำกำแพงรั้วปิดกั้นทางไว้และมีการก่อสร้างอาคารทับทางสาธารณะบางส่วน ซึ่งกรณีนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการกำหนดแนวเขตและขอความร่วมมือจากทางบ้านสุขาวดี ให้ทำการเปิดทางและรื้อถอนอาคารในส่วนที่ลุกล้ำทาง อย่างเร่งด่วนก่อนจะเข้ามาดำเนินการตรวจสอบต่อไป

ขณะที่ปัญหาทางฟุตปาธริมทะเลบริเวณด้านหลังบ้านสุขาวดี ที่เมืองพัทยาใช้งบประมาณในการปรับปรุงภูมิทัศน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวเพื่อใช้ในการสัญจรและพักผ่อน โดยไม่อนุญาตให้มีการนำยานพาหนะขนาดใหญ่สัญจรไปมานั้น แต่ที่ผ่านมาทางบ้านสุขาวดีได้นำรถบัสโดยสารขนาดใหญ่มาวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยว เพื่อนำรถไปจอดพักบริเวณลานจอดบริเวณที่ต่อเชื่อมกันในเขตบริเวณของวัดช่องลม นาเกลือ ที่มีการมำสัญญาเช่าไว้ กระทั่งต่อมาได้มีการขออนุญาตจากเมืองพัทยาอย่างเป็นทางการนั้น กรณีดังกล่าว นายวิเชียร รองนายกเมืองพัทยา ระบุว่าหนังสือขอนุญาติจากทางบ้านสุขาวดีนั้น ปัจจุบันเมืองพัทยายืนยันไม่ให้อนุญาตไปแล้ว เพราะจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าฟุตปาธที่รถบัสโดยสารวิ่งผ่านนั้นเริ่มมีสภาพชำรุดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจากนี้ได้สั่งการให้ทางสำนักการช่างมาทำการก่อสร้างเสาปูนคอนกรีตหรือเสาเหล็กขวางทางไว้เพื่อป้องกันรถขนาดใหญ่เข้ามาสัญจรไปอีกในระยะเวลา 1 เดือนจากนี้ ซึ่งจะมีการเดินทางมาตรวจสอบความก้าวหน้าของปัญหาทั้งหมดอีกครั้ง