ผวจ.ภูเก็ต ร้องจท. บังคับใช้กม.เคร่งครัด ตัดสินเรือสปีดโบ๊ท

ผวจ.ภูเก็ต ร้องจท. บังคับใช้กม.เคร่งครัด ตัดสินเรือสปีดโบ๊ท

ผวจ.ภูเก็ต เผยเหตุเรือสปีดโบ๊ทเฉี่ยวชนเกิดจากความประมาท เรียกร้องกรมเจ้าท่าเคร่งครัดบังคับใช้กฎหมาย ไม่ตรวจแบบฉาบฉวย เตรียมนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกอ.รมน.

สืบเนื่องจากช่วงเย็นวันที่ 16 ม.ค.61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุเรือสปีดโบ๊ทเฉี่ยวชนกันภายในลำคลองอ่าวสะปำ ปากทางเข้าท่าเทียบเรือรอยัลภูเก็ตมารีน่า ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ตส่งผลให้มีนักท่องเที่ยว ไกด์และเด็กเรือได้รับบาดเจ็บ รวม 10 คน

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 17 มกราคม 2561 ที่ท่าเทียบเรือโบ๊ทลากูน ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานเจ้าที่ภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานอย่างละเอียดเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของบนเรือ สตกมล 333 ซึ่งถูกยกขึ้นไว้บนคานเรือ

เนื่องจากกาบเรือด้านซ้ายได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไม่สามารถลอยน้ำได้ ภายในเรือมีข้าวของตกอยู่กระจัดกระจาย แต่ในส่วนของเครื่องยนต์ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ขณะที่เรือพิมพ์รชา 5 จอดลอยลำอยู่ในจุดจอดเรือ สภาพมีเพียงรอยถลอกเล็กน้อย ซึ่งหลังจากการเก็บข้อมูลต่างๆ แล้ว จะมีการนำไปวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 วัน จึงจะทราบผล

ด้านเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานเจ้าที่ภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ได้ตรวจสอบโครงสร้างตัวเรือว่าถูกต้องตามประเภทของการได้รับอนุญาตหรือ กัปตันมีใบนายท้ายหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบโครงสร้างตัวเรือไปวิเคราะห์ว่า จะสามารถนำมาใช้งานได้อีกหรือไม่

นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในเรื่องการตรวจสอบเรือต่างๆ ที่จะออกจากท่าเทียบเรือภูเก็ตนั้น ได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการในการตอกย้ำ และทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงตรุษจีนที่จะถึงนี้ ซึ่งสำหรับเหตุการณ์เรือสปีดโบ๊ทชนกันนั้นเกิดจากความประมาทของคนขับเรือ

"ได้สั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบไปแล้วสำหรับเรื่องเรือนั้นจะต้องมีการตรวจสอบสภาพก่อนที่จะมีการปล่อยเรือออกจากท่าฯ จะต้องมีการเช็คลิส และทุกอย่างต้องพร้อมทั้งหมด เนื่องจากท่าเทียบเรือสาธารณะเรามีไม่เพียงพอ จึงทำให้มีท่าเรือของเอกชนกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งในแต่ละอ่าวจะต้องมีจุดเช็คพอยท์ ซึ่งเรือทุกลำที่นำนักท่องเที่ยวออกไป จะต้องมีรายชื่อของนักท่องเที่ยวทุกคนและสัญชาติอะไร ซึ่งได้ย้ำมาตั้งแต่ 8 เดือนที่แล้ว ซึ่งเมื่อเกิดเหตุก็จะทำให้ทราบได้ทันที”

ส่วนท่าเทียบเรือสาธารณะนั้นก็ได้ให้มีการติดตั้งกล้องซีซีทีวีที่สามารถจับใบหน้าของผู้ขึ้นลงเรือ เพราะหากเรามีข้อมูลที่ชัดเจนเมื่อเกิดเหตุขึ้นการช่วยเหลือต่างๆ ก็จะทำได้สะดวก และรวดเร็วมากขึ้น และจะไม่มีความสับสน เช่น กรณีเหตุที่เกิดขึ้นที่ จ.กระบี่ ก็จะมีข้อขัดแย้งในเรื่องจำนวนกันอยู่ ทั้งก่อนถึงช่วงตรุษจีนก็จะได้มีการตรวจสอบความพร้อม และเน้นย้ำกันอีกครั้ง รวมทั้งจะมีการประสานกับทาง จ.กระบี่ ในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน โดยเมื่อมีเรือออกจากภูเก็ตก็จะต้องมีการส่งข้อมูลไปให้ทาง จ.กระบี่ ทราบด้วยเมื่อเกิดเหตุขึ้นก็จะได้ทราบทันทีว่ามีเรือเข้ามา

นายนรภัทร กล่าวว่า จากเหตุการณ์ล่าสุดซึ่งพบว่าเกิดจากความประมาท ซึ่งได้เน้นย้ำไปกับเจ้าหน้าที่การท่าฯ แล้วว่า ก่อนที่จะปล่อยเรือออกไปนั้นทุกอย่างต้องมีการตรวจความพร้อมทั้งตัวเรือ กัปตันและพนักงานประจำเรือซึ่งจะต้องมีบัตรตรงกับผู้ปฏิบัติงานจริง และจะตรวจแบบฉาบฉวยไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดเป็นอำนาจของเจ้าท่าฯ ที่จะต้องมีการบังคับให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการ กอ.รมน.ซึ่งได้มีการใช้อำนาจในทางปฏิบัติที่ได้รับมอบ เพราะหลายส่วนราชการไม่ได้อยู่ในการกำกับของผวจ. แต่อยู่ภายใต้การกำกับของราชการส่วนกลาง