ไทยออยล์คาดการณ์สถานการณ์ราคาน้ำมัน 15-19 ม.ค. 61

ไทยออยล์คาดการณ์สถานการณ์ราคาน้ำมัน 15-19 ม.ค. 61

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับขึ้น หลังตลาดตึงตัวขึ้นจากสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่คาดจะ ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60-65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 66-71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ ( 15 – 19 ม.ค. 61)

ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่คาดจะปรับลดลงต่อเนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันสหรัฐ ที่คาดจะคงกำลังการกลั่นในระดับสูงเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว รวมถึง การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่ปรับลดลงจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ผลิตกลุ่มโอเปควางแผนที่จะปรับปริมาณการผลิตในไตรมาส1/2561 ให้ต่ำกว่าปีก่อนหน้า เนื่องจากตลาดน้ำมันดิบยังไม่เข้าสู่ภาวะสมดุล อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการกลับมาดำเนินการอีกครั้งของท่อขนส่งน้ำมันดิบในทะเลเหนือและลิเบีย

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน หลังโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐ คงอัตราการกลั่นในระดับสูง เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันเพื่อทำความร้อนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ม.ค.61 ปรับลดลง 9 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 419.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 3.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง ปรับลดลงมาอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ 46.5 ล้านบาร์เรล
  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ หลังสภาพอากาศที่หนาวจัดในสหรัฐ ส่งผลกระทบให้ผู้ผลิตลดการขุดเจาะน้ำมันดิบและหยุดดำเนินการผลิตลงชั่วคราว โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ม.ค.61 ปรับลดลง 290,000 บาร์เรลต่อวันจากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ดี ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ อาจจะปรับเพิ่มขึ้นถึงระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันใน 2-3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น
  • จับตาปริมาณการส่งออกของอิหร่านว่าจะปรับลดลงหรือไม่ หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ รวมถึงความไม่แน่นอนของสหรัฐ ว่าจะมีการออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งถ้าหากมีการคว่ำบาตรเกิดขึ้นคาดจะส่งผลให้หลายประเทศปรับลดการซื้อน้ำมันดิบของอิหร่านและทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศทวีคูณมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเทศอื่นในกลุ่ม P5+1 ไม่เห็นด้วยกับการออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม เนื่องจากอิหร่านมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขในข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ได้ทำไว้กับ 6 ชาติมหาอำนาจ
  • ปริมาณการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบของทะเลเหนือและลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties ซึ่งมีกำลังการขนส่ง 450,000 บาร์เรลต่อวัน สามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติแล้ว หลังต้องปิดซ่อมบำรุงตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.60 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ท่อขนส่งน้ำมันดิบของลิเบีย ซึ่งทำการขนส่งน้ำมันดิบไปยังท่าเรือ Es Sider สามารถกลับมาดำเนินการอีกครั้งเช่นกัน หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ ส่งผลให้กำลังการผลิตปรับลดราว 70,000-100,000 บาร์เรลต่อวัน ในช่วงปลายเดือน ธ.ค. ของปีที่ผ่านมา
  • ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ GDP ไตรมาส 4 ปี 60 ของจีน ยอดค้าปลีกจีน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน และดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (8 – 12 ม.ค. 61)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.86 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 64.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.25 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 69.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 66.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่ปรับตัวลดลงกว่า 290,000 บาร์เรลต่อวันจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณการผลิตของสัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ 9.48 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ม.ค. ปรับลดลง 4.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 3.9 ล้านบาร์เรล รวมไปถึงการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่องของทั้งกลุ่มผู้ผลิตโอเปคและนอกกลุ่มโอเปคที่มีแนวโน้มจะนำตลาดน้ำมันไปสู่สมดุลในอีกไม่ช้า อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ได้คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ จะเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในไตรมาสแรกของปีนี้