GULF - ซื้อ

GULF - ซื้อ

เปิดตัวอย่างทรงพลัง! ราคายังไปต่อได้อีกไกล

ราคาหุ้น GULF ทะยานขึ้นกว่า 54% จากราคา IPO อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าราคาหุ้นยังวิ่งขึ้นต่อได้อีก เนื่องจากบริษัทมีกำลังการผลิตและภาพกำไรโดดเด่นที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เราให้คำแนะนำ – เราคาดกำไรบริษัทจะขยายตัวมากถึง 600% ระหว่างปี 2561-2568 อีกทั้งมูลค่าหุ้น ณ ปัจจุบันชี้ถึง PEG ที่ต่ำที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เราติดตาม เราเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” GULF และเลือกให้เป็นบริษัทที่เราชอบมากที่สุดในกลุ่มฯ โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2561 ที่ประเมินด้วยวิธี PEG ที่ 80 บาท

กำลังการผลิตและภาพกำไรเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มฯ…

เมื่อกำลังการผลิตที่บริษัทมีทั้งหมดเริ่มขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ GULF จะเป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยทั้งในประเภท IPP
และ SPP โดยกำลังการผลิตของบริษัทจะขยายมากกว่าเท่าตัวในปี 2568 ขณะที่กำลังการผลิตของบริษัทในกลุ่มฯที่เราให้คำแนะนำเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่
เพียง 20.6% นอกจากนี้กำลังการผลิตใหม่ทั้งหมดถูกการันตีโดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ.แล้ว ดังนั้น เรายังไม่เห็นความเสี่ยงจากการเลื่อนวัน
เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่จะเกิดขึ้นจากการปรับพีดีพี

นอกเหนือจากนี้ กำลังการผลิตของ GULF ยังมีอายุสัญญาที่ยาวที่สุดในกลุ่มฯที่เราให้คำแนะนำอีกด้วย ซึ่งบ่งชี้ถึงภาพกำไรในระยะยาวที่ชัดเจน
ที่สุด ทั้งนี้โรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิมที่มีความเสี่ยงด้านการดำเนินงานต่ำและสถิติผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าในกลุ่ม GULF ที่โดดเด่นตอกย้ำถึง
เสถียรภาพการดำเนินงานของบริษัทที่มั่นคง เราจึงคาดกำไรของบริษัทจะเติบโตอย่างน้อย 6 เท่าตัวระหว่างปี 2561-2568 จาก 2,909 ล้านบาท เป็น 18,070 ล้านบาท

…ดังนั้น ราคาหุ้น GULF ยังวิ่งต่อได้อีกไกล

กำลังการผลิตที่อยู่ในแผนโรงสุดท้ายจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2567 ซึ่งหมายถึงบริษัทจะรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวนับจากปี
2568 เป็นต้นไป ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันชี้ PER ปี 2568 ของบริษัทจะลดลงเหลือเพียง 8.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ ที่เราให้คำแนะนำที่ 11.1 เท่า
อยู่พอสมควร นอกจากนี้ราคาหุ้นบ่งชี้ถึง PEG ระหว่างปี 2561-2565 ที่ 1.4 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มฯที่เราให้คำแนะนำที่ 1.6 เท่า ดังนั้นเราจึงให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2561 ที่ 80 บาท เทียบเท่าค่า PEG ปี 2561-2565 ของบริษัทในกลุ่มฯที่เราให้คำแนะนำที่ 1.6 เท่า

มีอัพไซด์ต่อประมาณการของเราอีกมาก

นอกเหนือจากภาพกำไรที่เติบโตโดดเด่น แนวโน้มธุรกิจของบริษัทยังมีอัพไซด์ต่อประมาณการของเรา จาก 1) ต้นทุนทางการเงินของ GULF ที่อยู่ใน
ระดับสูงในราว 5.2-5.5% เทียบกับของค่าเฉลี่ยกลุ่มฯที่ระหว่าง 4-4.5% เราเชื่อว่าภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ ณ ปัจจุบันจะหนุนให้บริษัทขอปรับลด
อัตราดอกเบี้ยจ่าย (รีไฟแนนซ์) หรือออกพันธบัตรที่ต้นทุนทางการเงินต่ำลงได้ 2) หากค่า Ft ปรับตัวสูงกว่าสันนิษฐานของเราที่คาดเติบโตเฉลี่ย
2.3% ต่อปี และ 3) โอกาสที่จะได้กำลังการผลิตใหม่เข้ามาในอนาคต