Daily Strategy (19 ธ.ค.60)

Daily Strategy (19 ธ.ค.60)

กลับสู่ภาวะ Bullish ทดสอบ1,730 จุด ได้มีโอกาสไปต่อ

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: เรายังมุ่งหวังการทดสอบระดับ 1,730 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีแล้วผ่านไปได้ในวันนี้ ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มสดใสตามตลาดต่างประเทศ กรอบดัชนีวันนี้ 1,719-1,732 จุด ต่างชาติกลับมาเริ่มซื้อสุทธิต่อเนื่องมาสองวันแล้ว เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเดินหน้าต่อของดัชนี เรายังคงแนะนำ Switch ตัวเล่นจาก SCC มาเป็น PTT ซึ่งยังคง Laggard ต่อเนื่อง หุ้นเด่นที่คาดว่า Outperform ต่อในรอบนี้ได้แก่ PTT, IRPC, IVL ส่วนหุ้นที่อ่อนตัวลงไปยังมีโอกาสพลิกฟื้นได้ดี เราชอบ COM7, CBG, BEAUTY วันนี้เน้น Theme ผู้บริหารวิสัยทัศน์ชัดเจน เน้นให้บริษัทมี Earnings Turnaround และกำไรเติบโตดี

หุ้นเด่นวันนี้: SC (ปิด 3.88 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายของ AWS 12 เดือน เท่ากับ 5.00 บาท)

  • SC ประสบความสำเร็จการเปิดขาย 2 โครงการใหม่ ใช้เวลาเพียง 2 เดือนทำสถิติ Sold out และได้รับยอดขายรวม สองโครงการ 780 ล้านบาท จากโครงการ เวิร์คเพลส แจ้งวัฒนะ (Work Place Chaengwattana) โฮมออฟฟิศ จำนวน 26 ยูนิต มูลค่าโครงการ 260 ล้านบาท กับอีกโครงการคือ เดอะ เจนทริ พระราม 9 ( The Gentry Rama 9) วิลล่าหรู 3 ชั้น จำนวน 13 ยูนิต มูลค่าโครงการ 520 ล้านบาท ช่วงโค้งสุดท้ายของปี SC จัดแคมเปญ LET'S MOVE IN!! อยู่เลย! ไม่ต้องตกแต่ง สำหรับบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมกว่า 15 โครงการ พร้อมเข้าอยู่ Built-in & Fully Furnished จาก Interior Designer ชั้นนำ ในราคาลดพิเศษส่งท้ายปีความเห็น: การโอนและการรับรู้รายได้จะเข้ามามากตั้งแต่ไตรมาส 4/60 และไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ การโอนสองโครงการใหญ่ ศาลาแดง วัน มูลค่า 7 พันล้านบาท และ บีทนิค มูลค่า 4.0 พันล้านบาท ในปี 2561 SC ใช้กลยุทธ์การตกแต่งภายในถูกใจลูกค้า รวมถึงทำเลที่ตั้งโครงการดี ทำให้ลดการแข่งขันด้านราคาในตลาดสูงกว่า 5 ล้านบาท และยังคงเป็นผู้นำในตลาดบ้านราคาสูงกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป เราแนะนำซื้อ SC ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท อิงค่า PER 10 เท่าปี 2561 คาดการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2561-2562 ราว 25% และ 20% ปันผลตอบแทน 5.7% และ 6.3% ตามลำดับ
  • Price Pattern ของ SC ยังมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, &Monthly Buy Signal โดยมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 30 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 4.76 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ SC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 3.82 บาท (Resistance: 3.90, 3.92, 3.98; Support: 3.86, 3.84, 3.78)

ปัจจัยในประเทศ:

  • ความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวลง สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (Fetco) เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 81 ลดลง 9.02% จากเดือนที่ผ่านมาที่ 165.77 ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” จาก “ร้อนแรงอย่างมาก” ดัชนีปรับตัวลงเนื่องจากความกังวลในเรื่องกระแสเงินทุนต่างชาติและสถานการณ์การเมืองในประเทศ (บางกอกโพสต์)
  • AP สร้างเซอร์ไพรส์ตลาดอสังหาฯ โชว์สถิติใหม่ยอดขายปี 60 พุ่งสูงถึง 41,600 ล้านบาท เติบโตกว่า 85% YoYซึ่งเป็นผลมาจากโครงแนวราบที่ขายได้ต่อเนื่อง รวมถึงการปแบรนด์ LIFE CONDO ใน 3 ทำเลในวิทยุ ลาดพร้าว และอโศก-พระราม 9
  • MCS ปรับลดลงแรงจากข่าวผู้บริหารลาออกจากตำแหน่ง ล่าสุดได้แก่ นายสมพงษ์ เมธาสถิตย์สุข ซึ่งได้ยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่ง CEO ของบริษัทฯ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.60 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการลาออกของ CEO คนที่สาม หลังจากที่ นายไนยวน ชิ ได้ลาออกจากตำแหน่ง CEO เมื่อปีที่แล้ว โดยทางบริษัทฯมีความเห็นว่าทางบริษัทฯจะกลับไปแนวคิดเดิมในการดำเนินงานโดยไม่มีตำแหน่ง CEO นอกจากนี้ในวันที่ 15 ธ.ค.60 บริษัทฯได้รับจดหมายลาออกของกรรมการ 3 คน ดังนี้ นายสมพงษ์ เมธาสถิตย์สุข 2. นายสุรชัย รติทอง 3. นายฮารกิชิน  ทันวานี (ที่มา: อินโฟเควสท์) ความเห็น: แม้บริษัทจะยืนยันว่าสามารถดำเนินงานได้ตามปกติ แต่การลาออกของผู้บริหารชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งภายใน รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่รอการแก้ไข ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน นอกจากนี้บริษัทเป็นผู้ประกอบการที่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบหลักในการทำโครงสร้างขนาดใหญ่ จึงอาจได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับขึ้นมาในช่วงนี้ เรายังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน จนกว่าจะหาผู้บริหารใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจนว่าจะนำบริษัทไปในทิศทางใดและมีกลยุทธ์ในการแข่งขันอย่างไร

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ:ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 18 ธ.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮ ขานรับความหวังที่ว่าสภาคองเกรสสหรัฐฯ จะผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนวันคริสต์มาส นอกจากนี้ ตลาดได้ปัจจัยหนุนจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้สร้างบ้านของสหรัฐฯพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2560 ของสหรัฐในวันพฤหัสฯ นี้ ความเห็น: ปัจจัยบวกของสหรัฐฯ เรื่องนี้หนุนหุ้นไทยคือ IVL, TU และ EPG
  • ตลาดหุ้นยุโรป-ลอนดอน:ปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง( 18 ธ.ค.) ขานรับความเชื่อมั่นที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐฯ จะผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนวันคริสต์มาส

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาน้ำมันดิบ:(WTI ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.22% ปิดที่ 16 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ0.3% ปิดที่ 63.41 ดอลลาร์/บาร์เรล) ได้แรงหนุนจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันในทะเลเหนือ และการผละงานประท้วงของคนงานน้ำมันในไนจีเรีย
  • ราคาทองคำ:ปิดบวกเพิ่มขึ้น 8 ดอลลาร์ หรือ 0.64% ปิดที่ระดับ 1,265.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรโดยมองเป็นขาขึ้นชั่วคราว โดยบวกติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้
  • ค่าระวางเรือเทกอง: ลดลง 31 จุด หรือ -1.91% เป็น 1,588 จุด ลดลงต่อเนื่อง 4 วันทำการ คาดว่าเป็นการปรับฐาน และช่วงใกล้คริสต์มาส-ปีใหม่ กิจกรรมการขนส่งเริ่มลดลง แต่คาดว่าจะกลับมาคึกคักในไตรมาส 1
  • ค่าการกลั่นปรับตัวลงมาที่ 6.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล คาดว่ามาจากการที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นและเป็นช่วงใกล้วันหยุดยาว ซึ่งพ้นช่วงพีคของกิจกรรมภาคการผลิตไปแล้ว แนะนำทยอยขายทำกำไรหุ้นโรงกลั่น