จีนเสนอขายรถเมล์เอ็นจีวีแบบจีทูจี

จีนเสนอขายรถเมล์เอ็นจีวีแบบจีทูจี

"จีน" มาแล้ว!! เสนอขายรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน วงเงิน 3,440 ล้าน แบบจีทูจี พร้อมจัดหนักเพิ่มโปรฯ 1 แถม 1 ดูแลซ่อมบำรุงให้ยาว 10 ปี

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า เมื่อช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ทาง บริษัท Guizhou Guihang Yunma Automobile Industry จำกัด ซึ่งระบุว่าเป็นรัฐวิสาหกิจที่ถือหุ้นโดยรัฐบาลจีนร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้ส่งหนังสือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงคมนาคม และผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อเสนอตัวเข้ามาดำเนินโครงการรถโดยสารรถโดยสารประจำทางใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (รถเมล์เอ็นจีวี) จำนวน 489 คัน พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษา ที่ขณะนี้รัฐบาลไทยโดย กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. ยังติดปัญหาและอยู่ในระหว่างการพิจารณาจัดซื้อ โดย บริษัท Guizhouฯ ดังกล่าว ได้เสนอขายรถเมล์เอ็นจีวีในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จำนวน 489 คันในวงเงิน 3,440 ล้านบาท พร้อมเสนอแถมรถเมล์เอ็นจีวีอีก 489 คันให้ด้วย โดยระบุว่าสามารถส่ง 489 คันแรกให้ได้ภายใน 120 วันนับจากวันลงนามในสัญญา และจะรับผิดชอบในส่วนงานซ่อมแซมและบำรุงรักษาแบบเบ็ดเสร็จเป็นเวลา 5 ปี

"หลังจากนั้นให้เป็นดุลยพินิจของ ขสมก.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนอีก 489 คันชุดที่สอง จะส่งมอบให้ได้ก่อนสิ้นสุดปีที่ 5 หลังลงนามสัญญา และทางบริษัทฯจะรับผิดชอบในส่วนงานซ่อมแซมและบำรุงรักษาในส่วนของ 489 คันชุดที่สอง แบบเบ็ดเสร็จเป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปีที่ 6 ถึงปี่ที่ 10 ทั้งนี้จะดำเนินการตั้งโรงงานประกอบรถและศูนย์บริการในประเทศไทยเพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนเงื่อนไขการชำระเงินที่แบ่งเป็นงวดๆ กำหนดชำระงวดสุดท้ายภายหลังจากที่ได้รับรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันชุดที่สองครบถ้วนแล้ว" แหล่งข่าวระบุ

โดยทางบริษัท Guizhouฯ ยืนยันด้วยว่า บริษัทฯ มีประสบการณ์เป็นผู้ผลิตรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ รถโดยสารใช้พลังงานไฟฟ้า รวมไปถึงรถโดยสารรถโดยสารเชื้อเพลิงเอ็นจีวี ที่มียอดจำหน่ายทั้งในสาธารณรัฐประชาชนจีน และทั่วโลกกว่าหมื่นคัน อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการเดินรถโดยสารประจำทาง ซ่อมบำรุงในมณฑล Guizhou ของประเทศจีน ที่มีรถให้บริการกว่า 1 หมื่นคันด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการจัดซื้อและซ่อมบำรุงรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ของ ขสมก.นั้น เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้ เปิดให้เอกชนเข้าเสนอราคา ด้วยวิธีคัดเลือก กำหนดราคากลางไว้ที่ 4,020 ล้านบาท ปรากฎว่าได้มีเพียง กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ประกอบด้วยบริษัท สแกนอินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN และบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ที่ได้ยื่นข้อเสนอสูงกว่าราคากลางราว 10% เพียงรายเดียว เท่านั้น