“แคนาดา-เม็กซิโก”ยันไม่ย้ายสถานทูตไปเยรูซาเลม

“แคนาดา-เม็กซิโก”ยันไม่ย้ายสถานทูตไปเยรูซาเลม

นางฟรีแลนด์ เปิดเผยว่า แคนาดามีความมุ่งมั่นเพื่อให้ภูมิภาคตะวันออกกลางเกิดสันติภาพที่ครอบคลุม ยุติธรรม และยั่งยืน รวมถึงการตั้งรัฐปาเลสไตน์ที่อยู่คู่กับอิสราเอลได้อย่างสันติ

นางคริสเตีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของแคนาดา ประกาศว่า แคนาดาจะไม่ย้ายสถานทูตไปยังกรุงเยรูซาเลม โดยแคนาดามีจุดยืนว่า สถานะของกรุงเยรูซาเลมนั้นจะกำหนดได้จากการเจรจาโดยสันติเท่านั้น เพื่อปูทางสู่กระบวนการสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์

นอกจากแคนาดาแล้ว เมื่อวานนี้ (6ธ.ค.)กระทรวงต่างประเทศของเม็กซิโก ยืนยันไม่ย้ายสถานทูตไปยังกรุงเยรูซาเลมเช่นเดียวกัน โดยทางรัฐบาลเม็กซิโกระบุว่า การตัดสินใจไม่ย้ายสถานทูตนั้นสอดคล้องกับมติของสหประชาชาติ (ยูเอ็น)

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังเมื่อคืนนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รับรองอย่างเป็นทางการให้เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเลม

ปธน.ทรัมป์ ระบุว่า การตัดสินใจของเขาไม่ได้มีความประสงค์ที่จะขัดขวางกระบวนการสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ โดยสหรัฐจะให้การสนับสนุนแนวทางในการตั้งรัฐปาเลสไตน์และอิสราเอลควบคู่กัน หากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องกัน

ผู้นำสหรัฐ ระบุว่า จะสั่งการให้มีการเริ่มต้นกระบวนการในการออกแบบ และก่อสร้างสถานทูตสหรัฐในกรุงเยรูซาเลม ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาหลายปี และหากการก่อสร้างแล้วเสร็จ ก็จะถือเป็นคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อสันติภาพในตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ การดำเนินการของปธน.ทรัมป์ ถือเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายปี 2538 ของสหรัฐ ซึ่งกำหนดให้มีการย้ายสถานทูตสหรัฐไปยังกรุงเยรูซาเลม ในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐหลายคนก่อนหน้านี้ เช่น บิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู บุช และบารัค โอบามา ต่างก็ใช้คำสั่งประธานาธิบดีเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไป เนื่องจากวิตกว่าจะกระพือความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

ชาวปาเลสไตน์ถือว่าเยรูซาเลม ซึ่งถูกอิสราเอลยึดครองมาตั้งแต่สงครามปี 2510 เป็นเมืองหลวงแห่งรัฐในอนาคต รวมถึงมองว่า สถานะของเยรูซาเลมยังคงเป็นประเด็นที่ต้องได้รับการแก้ไข