รวบหนุ่มขอนแก่น ขับเก๋งหรูฉกทรัพย์นายแพทย์ชาวบังกาลาเทศ มูลค่าเกือบ 2 แสนบาทในสุวรรณภูมิ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ร่วมกันติดตามตัว นาย จันทร์เกษม ก้องปะดัง อายุ 44 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น พร้อมยึดรถยนต์เก๋งยี่ห้อ โตโยต้า แคมรี่ สีขาว ทะเบียน ชห 6324 กทม. ผู้ต้องหาลักทรัพย์ในท่าอากาศ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อสายของวันนี้ที่ 30 พฤศจิกายน 2560 ได้มีผู้เสียหาย ชาวบังกะลาเทศ ซึ่งเป็นนายแพทย์ศัยกรรมกระดูกของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ ว่าถูกลักทรัพย์เป็นกระเป๋าสตางค์ใบเล็กสีดำภายในมีเงินสดสกุลดอลล่า ยูเอส และสกุลต่างๆ รวมทั้งบัตรเครดิตและโทรศัพท์มือถือรวมมูลค่าเกือบ2แสนบาท ซึ่งวางลืมไว้บนรถเข็นกระเป๋าสัมภาระ โดยผู้เสียหายได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศโดยมีรถของคนรู้จักมารอรับที่ชานชราของอาคารผู้โดยสารขาเข้าชั้น2ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยตนได้เข็นรถที่ใส่กะเป๋าสัมภาระมาที่รถที่คนรู้จักมารอรับเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีดำ หลังจากที่ขนกระเป๋าสัมภาระจากรถเข็นขึ้นรถเสร็จ และขับออกไปจากสนามบิน โดยลืมกระเป๋าสตางค์ใบเล็กสีดำภายในมีเงินสดสกุลดอลล่า ยูเอส และสกุลต่างๆ รวมถึงบัตรเครดิตและโทรศัพท์มือถือเอาไว้บนรถเข็น หลังนึกขึ้นได้จึงรีบขับรถวนกลับมาปรากฏว่าไม่พบทรัพย์สินของตนแล้ว
หลังรับแจ้งจึงได้ประสานงานไปยังศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ที่บันทึกภาพรถยนต์นั่งส่วนบุคคล โตโยต้า แคมรี่ สีขาว ทะเบียน ชห6324กทม. ได้ขับเข้ามาจอดเทียบชานชราของอาคารผู้โดยสาร ข้างรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีดำ ซึ่งเป็นรถของผู้เสียหาย ที่กำลังขนกระเป๋าสัมภาระจากรถเข็นขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไป ก่อนที่ชายผู้ขับขี่รถเก๋งแคมรี่ จะเปิดประตูลงมาจากรถได้กระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหายวางอยู่บนรถเข็น ก่อนเดินวนรอบรถเข็น หลังจากนั้นได้ไปขยับรถของตนเองมาจอดบังไว้มุมกล้องวงจรปิด ก่อนที่จะลงมาหยิบกระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหายโยนเข้าไปในรถของตนเอง ทั้ง ๆ ที่มีเจ้าหน้าที่ รปภ.ของสนามบินยืนอยู่ห่างไม่มากนัก แต่กลับไม่เอากระเป๋าใบดังกล่าวมาแจ้งเพื่อติดตามหาเจ้าของแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบข้อมูลจากทะเบียนรถจนกระทั่งทราบว่ารถเก๋งคันดังกล่าวเป็นของนายจันทร์เกษม เจ้าหน้าที่จึงได้ติดต่อสอบถามไปยังนายจันทร์เกษม และให้นำทรัพย์สินมาคืนผู้เสียหาย
โดยนายจันทร์เกษม ให้การอ้างว่า ตนเองนำเอากระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหายไปจริง แต่ไม่มีเจตนาที่จะลักแต่อย่างใด เพียงแต่เห็นว่าวางอยู่ในรถเข็นและไม่มีเจ้าของจึงหยิบมาไว้กับตนเองก่อนเท่านั้น เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อในคำให้การเนื่องจากขัดแย้งกับภาพวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมเอาไว้ได้ชัดเจนว่าผู้ต้องหารายนี้เมื่อเห็นทรัพย์สินแล้วยังได้มีการขยับรถของตนเองมาจอดบังมุมกล้องวงจรปิด อีกทั้งขณะก่อเหตุก็มีเจ้าหน้าที่ รปภ.ของการท่ายืนอยู่ไม่ห่างมากนัก แต่ไม่แจ้งความประสงค์แต่อย่างใด จึงเชื่อว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการเจตนาลักทรัพย์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวว่า ลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่ครอบครัวผู้เสียหาย ซึ่งเป็นแพทย์ศัยกรรมกระดูกชาวบังกาลาเทศ ได้เดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่เพื่อติดต่อรับทรัพย์สินคืน โดยตรวจสอบทรัพย์สินพบว่ายังอยู่ครบ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกนายด้วยรอยยิ้มความดีใจอย่างมาก และชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่สามารถติดตามทรัพย์สินของตนเองกับคืนได้โดยยังไม่ทันข้ามวัน