เสียงของพ่อ นตท. ถูกซ่อมเสียชีวิตเมื่อปี50 

พ.ต.อ.ณธีพัฒน์ อัครพงศ์ธิติ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเองได้สูญเสียลูกชายจากการที่รุ่นพี่นักเรียนเตรียมทหาร จำนวน 6 คน มีคำสั่งลงโทษ ให้ดื่มน้ำ 40 ลิตร เนื่องจากหลับระหว่างเข้าเวร ทำให้ นตท.กรัณฑ์ อรชร นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่2 เกิดภาวะน้ำเป็นพิษจากอาการน้ำท่วมปอดทำให้ระบบร่างกายล้มเหลวและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2550 ซึ่งขณะนั้นตนเองดำรงตำแหน่ง โดยใช้ชื่อเดิม พ.ต.ท.สัญชัย อรชร เป็นสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจกิ่งอำเภอเวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านมานานแล้วแต่ยังรู้สึกสะท้อนใจและเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังคงคิดถึงบุตรชายที่ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งหากยังมีชีวิตอยู่ขณะนี้จะต้องได้เป็นนายตำรวจ ยศร้อยตำรวจเอกแล้ว หลับตายังคงเห็นภาพที่ลูกชายถูกทำโทษอย่างไรบ้าง ที่ผ่านมาคิดว่าเหตุการณ์ซ่อมจนเสียชีวิตของลูกชายจะเป็นเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้น

การส่งลูกเข้าไปเรียนในโรงเรียนเตรียมทหาร เพราะเชื่อว่าเป็นโรงเรียนลูกผู้ชายที่ปลอดภัยที่สุด มีระบบการบริหารจัดการดีไม่เคยคิดโทษระบบ แต่คนที่นำระบบมาใช้ไม่ดี ไม่มีวุฒิภาวะที่ดีพอที่จะรับผิดชอบเมื่อเกิดเหตุการณ์เกินเลยขึ้น เอาความสะใจมาบริหารจัดการ ส่วนความบกพร่องของระบบคือผู้บังคับบัญชาไม่ได้มีการดูแลอย่างใกล้ชิด ปล่อยให้เด็กตัดสินกันเองโดยพละการ จนทำให้เกิดการสูญเสีย ส่วนตัวไม่โทษระบบของโรงเรียน เนื่องจากหากไม่มีระบบดังกล่าว ความแข็งแกร่ง อดทนจะไม่เกิดขึ้น มองว่าคนที่นำระบบมาใช้ไม่ดี ต้องมีการแก้ไขในจุดนี้ การทำโทษ ทำได้ขนาดไหน ด้วยระเบียบของการสั่งทำโทษ หรือการซ่อม ต้องไม่มีอะไรเข้าไปในร่างกายหรือออกมาจากร่างกาย ไม่มีการทำร้ายร่างกาย ต้องมีลิมิตในการทำโทษ

แต่ในกรณีของลูกชาย มีการบังคับให้ดื่มน้ำถึง 40 ลิตร พร้อมกับมีการซ่อมลงโทษ และให้อาเจียนออกมาวนหลายครั้ง จนทำให้เกิดการเสียชีวิต ในช่วงนั้นรู้สึกโกรธและให้ดำเนินคดี อย่างถึงที่สุด แต่เมื่อเวลาผ่านมาประมาณ 4 ปีเริ่มทำใจได้บ้าง และรู้สึกสงสารคนที่เป็นแม่ เป็นพี่ ที่ต้องมานั่งฟังว่าลูกชายถูกทำโทษอย่างไรบ้างจนเสียชีวิต จึงตัดสินใจแถลงขอปิดคดีไม่ติดใจเอาความทั้งทางแพ่งและอาญา ถือว่าการให้อภัยเป็นทานอันยิ่งใหญ่ ให้ธรรมะเข้ามาช่วยเยียวยาจิตใจ ถือว่าลูกชายทำบุญมาแค่นี้ อีกอย่างรู้สึกสงสารเด็กๆ ที่ต้องมาขึ้นศาล เมื่อพบหน้ากันทุกครั้งจะเข้ามากราบขอโทษ อยากให้เหตุการณ์เสียชีวิตของลูกชายเป็นอุทาหรณ์ ไม่อยากให้เหตุการณ์การซ่อมจนทำให้เกิดการเสียชีวิตเกิดขึ้นอีก

สำหรับกรณี นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย ที่ถูกทำโทษจนเสียชีวิต และเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ เข้าใจถึงความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของคนเป็นพ่อแม่พี่น้อง ซึ่งต้องการรู้ความจริงว่าลูกเสียชีวิตได้อย่างไร แต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ออกมาอย่างเด่นชัดครอบครัวเพียงต้องการทราบความจริง โดยไม่มีการปิดบังอำพราง สิ่งที่อยากแนะนำคืออยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้ามาคุยกัน การตอบโต้กันไปมาทางสื่อโซเชียลไปมาไม่ได้ประโยชน์อะไร อยากให้ทุกฝ่ายหยุดตอบโต้กันและคุยกันด้วยเหตุและผล