'อนุทิน' แนะดึงคนดีคุมคนไม่ดี 'นิกร' เชื่อเลือกตั้งพ.ย.2561

'อนุทิน' แนะดึงคนดีคุมคนไม่ดี 'นิกร' เชื่อเลือกตั้งพ.ย.2561

"อนุทิน" วอนอย่ามองเรื่องการเมืองว่าเลวร้าย แนะน้อมนำพระราชดำรัสในหลวงร.9 “ส่งเสริมคนดี คุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ” ฝากปชช.สนใจการเมืองเพื่อรักษาสิทธิ ด้าน “นิกร” เปรียบข้าราชการ-นักการเมืองเสมือนรถ-คนขับต้องช่วยกันทำเพื่อประเทศ เชื่อเลือกตั้งพ.ย.2561

ในการเสวนาหัวข้อ“การเมืองไทยกับที่ปรึกษาธุรกิจ” จัดโดยหลักสูตรวิชาชีพที่ปรึกษาธุรกิจ (วปธ.) รุ่น 10 และสมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาวิสาหกิจชนาดกลางและขนาดย่อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวตอนหนึ่งถึงการเมืองไทยในขณะนี้ว่า ไม่อยากให้มองการเมืองเป็นเรื่องเลวร้าย เพราะการเมืองคือสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา และเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถ้าเราสามารถทำการเมืองให้ดีก็จะเป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม อยากให้ทุกคนน้อมรับพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ตรัสตอนหนึ่งว่า ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่อยู่ที่การส่งเสริมให้คนดีปกครองบ้านเมืองและคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย

ตนซึ่งก่อนหน้านี้ก็อยู่อย่างสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ตนก็ต้องออกมาแสดงแอ๊คชั่น เพราะถ้ายังนิ่งอยู่แล้วปล่อยให้คนไม่ดีออกมา ประเทศเราก็จะมีกรรม สาเหตุหนึ่งที่ทหารไม่ชอบการเมือง คงเป็นเพราะส่วนหนึ่งมาจากนักการเมืองบางคนที่เข้ามาเพื่อต้องการแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งยังมีนักการเมืองอีกหลายคนที่ต้องการทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับส่วนรวม ตนขอย้ำว่าทุกวงการก็มีแบบนี้ มีทั้งคนที่ดีและไม่ดี จึงอยากให้ทุกคนน้อมนำพระราชดำรัสนี้มาปฏิบัติ

“ยุคนี้ถือเป็นเป็นยุคที่ประชาชนทุกคนต้องให้ความสนใจกับการเมือง ไม่เช่นนั้นเราจะสูญเสียสิทธิของเรา ซึ่งตรงนี้ถือเป็นความขัดแย้งในตัวเอง เพราะคนมองว่าการเมืองเป็นสิ่งสกปรก แต่ถ้าเราไม่เข้ามาก็จะปล่อยให้คนสกปรกเข้ามาบริหารประเทศ ดังนั้นถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดหรือมีวาระซ้อนเร้นแอบแฝงก็ต้องพร้อมเข้ามาช่วยเหลือประเทศ และพร้อมรับการตรวจสอบ” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทยตนมองว่าปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่กำลังก่อร่างสร้างตัว คือคำว่า “ดุลยพินิจ” ซึ่งเป็นอุปสรรคที่สุดที่ทำให้ประเทศเติบโตช้า เพราะมีแต่ความไม่แน่นอนของคนที่มีหน้าที่อนุมัติตามกฎหมาย ท้ายที่สุดก็จะให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายนั้น หากเป็นเมื่อ 60 ปีที่แล้วคำๆ นี้อาจมีประโยชน์ แต่ปัจจุบันถือว่าไม่มีแล้ว ประเทศไทยที่มีปัญหาคำว่าคอร์รัปชันก็มาจากคำว่าดุลยพินิจ จึงเห็นว่าควรจะมีการแก้ไขกฎหมายอย่างจริงจัง เช่นกรณีของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่มีการปรับแก้ว่าเวลาจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ต้องโชว์คุณสมบัติตามที่ตลาดหลักทรัพย์เป็นคนกำหนดไม่ใช่ให้อยู่ในดุลยพินิจของประธาน ก.ล.ต. ดังนั้นเชื่อว่า ผู้มีอำนาจจะรับฟังและแก้ไขปัญหานี้ เพราะคสช.ก็บอกว่าจะอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย

ด้านนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการและ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงอนาคตทางการเมืองว่าจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ตนเชื่อว่าจะทำให้เมืองไทยเกิดการเลือกตั้งในช่วงเดือนพ.ย.2561 นี้ เพราะตามหลักการทำงานทุกรัฐบาลจะต้องมีการดำเนินการ 2 เรื่อง คือ 1.จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีซึ่งจะประกาศใช้ในวันที่ 1 ต.ค.ของทุกปีและต้องดำเนินการจัดเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายคนของตัวเองให้เสร็จสิ้นก่อน

“เพราะฉะนั้นจะเชื่อว่า การเลือกตั้งจะไม่ก้าวข้ามเดือนพ.ย.เพราะยิ่งก้าวข้ามไปนาน รัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ต้องตอบคำถามให้ได้ จึงขอยืนยันว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพ.ย.” นายนิกร กล่าว

นายนิกร ยังกล่าวว่า วันนี้การทำงานข้าราชการเปรียบเหมือนกับรถ นักการเมืองเป็นคนขับ ถ้าระบบราชการบริหารประเทศอยู่ที่เดิมก็ไม่ไปไหน วันนี้คงขับตามลำพังไม่ได้ เราต้องการคนที่คอยมาชี้ทางซึ่งต้องเป็นคนที่มีความรู้มาเป็นที่ปรึกษาในการชี้แนะการทำงาน ทั้งนี้การเป็นที่ปรึกษาคือต้องรู้ให้จริง และต้องรู้ว่าใครคุมการเมือง เราต้องรู้รัฐธรรมนูญ รู้กลไก รู้ระบบไม่อย่างนั้นจะไปไม่ถูก