“ปั้นใหม่ อามาดาชิ” หวานเย็นกลางกรุงระอุ

“ปั้นใหม่ อามาดาชิ” หวานเย็นกลางกรุงระอุ

ทำธุรกิจน้ำปั่นมากว่า 4-5 ปีแบบไปได้สวย แต่เมื่อกระแสบิงซูน้ำแข็งเกล็ดหิมะมาแรง จึงมิกซ์แอนด์แมชต่อยอดขนมหวานไทยๆคู่กับบิงซู รังสรรค์เมนูใหม่พร้อมเซ้งหน้าร้านใหม่บรรยากาศชิลๆชื่อ“ปั้นใหม่ อามาดาชิ”หวานเย็นเสิร์ฟเมืองร้อน

เป็นมนุษย์เงินเดือนยึดอาชีพนักข่าวสายเศรษฐกิจมายาวนานกว่า 10 ปี สำหรับ วีรพร จอมแปง หรือ “เกี้ยวจัง”เหยี่ยวขาวสาวภาคสนามค่ายสยามรัฐ สัมภาษณ์นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมานับไม่ถ้วน กลายเป็นการจุดไฟฝันสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง

ระหว่างยังวิ่งข่าวภาคสนาม หลังเลิกงานและวันหยุดก็มักจะนั่งรถเมล์ไปพาหุรัดเพื่อกว้านซื้อกำไลมีดีไซน์แต่ราคาย่อมเยาแบบยกโหล มาขายตามตลาดนัดจตุจักร และตลาดริมถนนรัชดาภิเษก

พร้อมกับจังหวะดีมีเพื่อนนักธุรกิจเกื้อหนุนตั้งให้เป็น “ตัวแทนจำหน่ายปูอัดเกรดส่งออก” ที่เดิมจะขายส่งให้กับร้านอาหารญี่ปุ่นเท่านั้น ก็แยกมาส่งให้เกี้ยวจังด้วย

วีรพร จึงยึดอาชีพขายปูอัด และขายกำไลเป็นอาชีพเสริม เก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อรอโอกาสและจังหวะใหม่ๆ

จน 5 ปีถัดมา เจอแผงขายของรัชดาซอย 7 แหล่งพลุกพล่านทั้งนักศึกษาจากหอการค้าไทย และมศว.(มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร) แวดล้อมไปด้วยคอนโดมิเนียม และหอพัก เธอจึงรีบคว้าโอกาสปั้นแผงน้ำปั่นด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 4 หมื่นบาท

กิจการร้านน้ำปั่นกำลังไปได้ดีหลังเปิดมา 5 ปี ทำยอดขายได้วันละ 3,000-5,000 บาท คิดเป็นส่วนของกำไรวันละ 1,500-2,000 บาท ยังไม่รวมการขยายกิจการไปยังแผงข้างเคียงอีกหลายแผง ขายทั้งผัดไทย หอยทอด บะหมี่เกี้ยว และทะเลเผา มีกำไรหมุนเวียนแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 5,000-6,000 บาท จากคนแวะเวียนเข้ามาทานอาหารในย่านแห่งนี้ เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 คน

ทำอาหารจำพวกอาหารเส้น อย่างก๋วยเตี๋ยวและผัดไทย คนกินง่าย และไม่เบื่อ ยิ่งขายของกินไม่ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี คนงดช้อป จับจ่าย แต่ไม่งดกิน ต้องกินทุกมื้อ คนกรุงเทพฯ มนุษย์เงินเดือน ยังมีกำลังซื้อ ตลาดแห่งนี้ดีตรงที่คนมากินได้มาเจอเพื่อน เจอสังคม สังสรรค์ และแฮงค์เอาท์กับเพื่อน เพราะมีพื้นที่เปิดโล่ง และมีหลายร้านอาหารให้เลือกสรร วีรพร เล่า

จนกระทั่ง 6 เดือนที่ผ่านมา ได้ร่วมกับเพื่อน เรวดี แก้วสีนวล พนักงานวิจัยบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง เพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม มาช่วยกันคิดธุรกิจใหม่ จนปิ๊งไอเดียทำธุรกิจน้ำแข็งใสเกล็ดหิมะ (บิงซู ) แรงบันดาลใจที่ได้จากการชวนกันไปทานขนมที่ร้านอาฟเตอร์ยู จึงเริ่มคิดค้นเมนูเพื่อนมิกซ์แอนด์แมชส่วนผสมต่อยอดจากระหว่างร้านขนมไทยน้ำกะทิ เครื่องไทยๆ กับน้ำปั่นผลไม้สด ตกแต่งเป็นบิงซูสไตล์ไทยๆ ที่คนเดินถนนทั่วไปก็สัมผัส ลิ้มรสชาติได้ กลุ่มระดับบีบวกลงมา จนถึงคนทั่วไป (Mass) ตอบโจทย์ให้คนทั่วไปมีกำลังซื้อแบบกินได้ทุกวัน จ่ายมื้อละ 50-200 บาท ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ขนมหวาน ก็ไม่สะเทือนกระเป๋าลูกค้า โดยที่แม่ค้าก็มีกำไร จึงเป็นที่มาของร้านน้ำแข็งใสปิงซู ในแบบสไตล์ไทยๆ ที่สำคัญเมืองไทยเป็นเมืองร้อน เรียกได้ว่าแทบจะ 3 ฤดูก็ว่าได้ น้ำแข็งใสจึงขายดีตลอด

นั่งคิดกันกับเพื่อนว่าจะทำอะไรดี ขายง่าย ออกง่าย ก็มาลงล็อคที่น้ำแข็งใส อยากทำร้านที่เป็นแหล่งนั่งพัก ชิลล์ลูกค้า มาเจอหน้ากันทุกวัน มาเติมความสุขคุยกัน ทั้งคนมาออกกำลังกาย คนมาทานข้าว คนมาประชุม ก็ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งแฮงค์เอาท์กันกับเพื่อน ยิ่งในช่วงหน้าร้อนระอุ บรรยากาศชิลบวกความหวานเย็นของน้ำแข็งใส ดับอารมณ์คนให้เพลินๆ ผ่อนคลายได้ วีรพร เล่าประโยชน์ของน้ำแข็งใส

ความหวานจากน้ำแข็งใสยังช่วยคลายเครียด วิถีคนกรุงได้อย่างดี ร้านบิงซูแห่งนี้วีรพรให้ชื่อว่า ปั้นใหม่ อามาดาชิ ภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่าความหวานอันหลากหลาย ส่วนปั้นใหม่ มาจากชื่อลูกชายวัย 1 ขวบเศษ และเพื่อนร่วมหุ้น โลโก้หน้าร้านจึงเป็นภาพการ์ตูนลูกชาย และเพื่อน

โลโก้หน้าร้านสื่อให้เห็นว่าเป็นน้ำแข็งใส ที่ละเอียดเหมือนปุยฝ้าย ทานได้ตั้งแต่เด็กเล็กยันผู้ใหญ่ เพราะใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่งผลไม้สดต่อวัน” 

วีรพร ยังเล่าว่า การลงทุนตกแต่งร้านสูงถึง 2 แสนบาท ยังไม่รวมค่าเซ้งแผงอีก 1.5 แสนบาท ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มลงทุนร้านมา เพราะเป็นหน้าร้าน ที่เปรียบเสมือนภาพลักษณ์ จึงต้องยอมทุ่มทุนเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า

หน้าร้านก็คือหน้าตาของสินค้า ที่เป็นแรงจูงใจให้คนอยากเข้ามาทาน และเข้ามาสัมผัสกับลูกเล่นที่เธอกับเพื่อนร่วมกันสร้างสรรค์เมนูเกล็ดหิมะ พร้อมเสิร์ฟความหวานเย็น ที่เราสร้างสรรค์เมนู 15 เมนู พร้อมไว้เสิร์ฟลุกค้า เปิดมา 4-5 เดือนเมนูยอดฮิต ขายดีที่สุดคือ ปิงซูมะม่วง ราคา 199 บาท

เมนูบิงซู สูตรที่ช่วยกันคิดระหว่างสองสาวเพื่อนซี้ ตอบโจทย์ตลาดในย่านรัชดาซอย 7 ที่สร้างความแปลกใหม่ ในราคาที่สัมผัสได้ และที่สำคัญคนยุคนี้ชอบ แชะลงโซเชียลก่อนทาน หน้าตาเมนู พร้อมเสิร์ฟ จึงเป็นสิ่งจูงใจให้คนมาเก็บภาพ ร้านปั้นใหม่ก็ได้โปรโมทร้านไปในตัว แบบไม่ต้องจ่ายเงินซื้อสื่อ

ยอดขายที่ตั้งไว้เริ่มต้นตอนเปิดธุรกิจอยู่ที่เฉลี่ยวันละ 3,000 บาท กำไรวันละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท หรือขายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าวันละ 40-50 ถ้วย ซึ่งก็อยู่ในเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่คืนทุนภายใน 6 เดือน ราคาเริ่มต้นที่ถ้วยละ 69 บาท – 199 บาท สูงสุดสำหรับชามยักษ์ทานได้เป็นกลุ่ม 5-8 คน

เธอยังเล่าว่า เมื่อธุรกิจลงล็อคมีระบบชัดเจน มีโอกาสที่จะพัฒนาขายแฟรนไชส์ หรือขยายกิจการไปในต่างจังหวัด

วีรพร เล่าถึงธุรกิจที่เติบโต เพราะจับธุรกิจที่ขายง่ายออกง่าย เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่คนทั่วไปต้องซื้อ คือของกิน บวกกับความคิดสร้างสรรค์รู้จักต่อยอดไปตามจังหวะและโอกาสอำนวย ธุรกิจก็ก้าวไปข้างหน้าแบบไม่มีวันเจอทางตัน

.....................

สูตรขายบิงซู สไตล์ไทยในตลาดแมส

-คิดต่อยอดไม่รู้จบ

-มองโอกาสและจังหวะใหม่ๆเสมอ

-ขายของกินไม่มีคำว่าเศรษฐกิจฟุบ

-มีเพื่อนร่วมทุนคอเดียวกัน

-สร้างสรรค์สินค้าที่ลูกค้าชอบลงโซเชียล

-หาสินค้าตอบโจทย์ภูมิอากาศไทยร้อนตลอดปี