จับตาดีเอสไอจัดใหญ่ฟอกเงิน 3 คดีดัง!!

จับตาดีเอสไอจัดใหญ่ฟอกเงิน 3 คดีดัง!!

"ดีเอสไอ" เตรียมเสนอบอร์ด "กคพ." ลงมติรับสอบสวนคดีพิเศษ 3 คดีดังตั้งแท่นรอ ฟอกเงิน "ระบายข้าวจีทูจี-ไร่ส้ม-อัลฟ่า6"

แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 1/2560 วันที่ 8 พ.ย.นี้. ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ดีเอสไอได้เตรียมเสนอให้บอร์ดกคพ.ลงมติรับคดีทั่วไปเป็นคดีพิเศษ จำนวน 7 คดี โดยการรับคดีพิเศษจะต้องใช้เสียง อย่างน้อย 2 ใน 3 จึงสามารถรับคดีไว้สอบสวนได้. สำหรับ 3 คดีแรกที่เตรียมเสนอเข้าสู่วาระการพิจารณาเป็นคดีฟอกเงิน ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ประกอบด้วย 1 คดีฟอกเงินจากการทุจริต สกสค. ความเสียหาย 2,500 ล้านบาท. กรณีนายเกษม กลั่นยิ่ง กับพวกที่ร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ (ช.พ.ค.) มีพฤติการณ์ในการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่อนุมัติเงินกองทุนของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ให้กับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ของนายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือเสี่ยบิ๊ก.อดีตประธานสโมสรฟุตบอลเพื่อนตำรวจ กู้ยืมโดยไม่มีหลักประกัน จำนวน 2,100 ล้านบาทและ 400 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการธุรกรรม ปปง.มีมติอายัดทรัพย์สินในคดีดังกล่าว จำนวนกว่า 800 ล้านบาท.

2 คดีฟอกเงินจากทุจริตค่าโฆษณา ของบริษัทไร่ส้ม จำกัด ที่นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำคิวโฆษณารวม ในรายการ "คุย คุ้ยข่าว" ของนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา. พิธีกรเล่าข่าวชื่อดัง โดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา จาก บจก.ไร่ส้ม จำนวน 17 ครั้ง ทำให้ บมจ.อสมท เสียหาย 138,790,000 บาท และยังได้เรียกรับเอาเงิน 658,996 บาท จากนายสรยุทธกับพวก เพื่อเป็นการตอบแทนที่นางพิชชาภา ไม่รายงานการโฆษณา

3 คดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจีของบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด และเครือข่ายของนายอภิชาติ. จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ซึ่งมีพฤติการณ์ทุจริตโดยการปลอมสัญญาให้ดูเสมือนว่ามีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐจริง ซึ่งข้าวในโครงการไม่ได้ถูกส่งออกแต่นำมาบรรจุถุงขายภายในประเทศ ทั้งนี้ปปง.ได้ใช้มาตรการทางแพ่งยึดทรัพย์ที่กลุ่มของเสี่ยเปี๋ยงได้มาจากการทุจริตระบายข้าวไปแล้วกว่า 7,000 ล้านบาท

แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า ส่วนอีก 3 คดีเป็นคดีฉ้อโกง ประกอบด้วย บริษัทเอ็ม-แลนดาร์ช จำกัด กับพวก ร่วมกันฉ้อโกงหลอกขายเครื่องตรวจหาสารเสพติดอัลฟ่าซิกซ์ (ALPHA 6) ให้กับกรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยซึ่ งทางการสหรัฐอเมริกาและอังกฤษดำเนินคดีบริษัทที่หลอกลวงขายจีที-200 และเครื่องตรวจหาสารเสพติดอัลฟ่า 6 ซึ่งเป็นเครื่องมือลวงโลกให้กับประเทศที่พัฒนาและกำลังพัฒนา โดยกระทรวงกลาโหมของกองทัพสหรัฐอเมริกาก็ไม่รับรอง เพราะผลการตรวจสอบต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์, คดีฉ้อโกงประชาชนกรณีจัดตั้งเป็นกลุ่มฌาปนกิจวิทยุจังหวัดอยุธยา ฉ้อโกงเงินออมจากประชาชน และคดีบริษัทเชน ลิซซิ่ง ฉ้อโกงประชาชน โดยพฤติกรรมของผู้ต้องหาจะเปิดบริษัทให้กู้เงิน ทำสัญญาขายฝากเป็นหลักประกันเงินกู้ แต่นำที่ดินไปขายโอนเปลี่ยนมือ เมื่อลูกหนี้ทำเงินมาชำระหนี้จนครบก็ไม่สามารถไถ่ถอนที่ดินคืน เนื่องจากที่ดินถูกโอนขายเปลี่ยนมือไปแล้ว ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนมากกระจายอยู่ในจังหวัดภาคอีสานและภาคเหนือ

และคดีสุดท้าย คดีที่ 7 เป็นคดีที่นางนิศารัตน์ สัตยานุการ ร้องขอให้ดีเอสไอรื้อคดีขึ้นสอบสวนใหม่ จากกรณีนพ.ศรุต ทวีรุจจนะ เสียชีวิตจากการตกตึกชั้น 4 ในอพาท์เมนท์แห่งหนึ่งโดยมีเงื่อนงำน่าสงสัยหลายประการ