Daily Strategy (18 ต.ค.60)

Daily Strategy (18 ต.ค.60)

คาดตลาดแกว่งแคบ Sideways

กลยุทธ์การลงทุน: เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวแคบ คล้ายตลาดหุ้นประเทศอื่นในเอเชีย โดยนักลงทุนรอติดตามผลประกอบการ บจ.ที่ทยอยประกาศ กลุ่มสถาบันการเงินที่ประกาศออกมาเราพบ KTC มีกำไรดีโดดเด่นในไตรมาส 3/60 ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่นเริ่มไม่เพิ่มช่วงบวกแรงแล้ว แนะนำนักลงทุนยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับแรงขายทำกำไรในช่วงนี้ และหลังประกาศผลประกอบการแล้ว โดยหุ้นกลุ่มหลักที่เรายังให้เน้นอยู่ยังมีกลุ่มพลังงาน เดินเรือ และอสังหาริมทรัพย์ ตัวเด่นได้แก่ PTT, BANPU, BGRIM,PSL, TTA, ANAN, SIRI, AP, QH เป็นต้น

หุ้นเด่นวันนี้: BGRIM (Bt25.75; BUY; AWS TP Bt28.00)

  • BGRIM เป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 1,646 MW และมีแผนจะเพิ่มเป็น 2,482 MW ภายในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้น 51% ในระยะเวลา 5 ปี บริษัทมี NET D/E Ratio ต่ำเพียง 1.8 หลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ทำให้มีเงินลงทุนมากเพียงพอที่จะขยายกำลังการผลิตโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนอีก นอกจากนี้ยังมีแผนออกหุ้นกู้เพิ่ม 11.5 พันล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ย 3.8% ช่วยลดต้นทุนทางการเงินจากเดิมที่8% คาด BGRIM จะรายงานกำไรสุทธิในปี 2560 นี้ที่ 2,271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64%
  • Price Pattern มีความแข็งแกร่งอย่างมากจากแนวโน้มหลักที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, &Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ยังคงบ่งบอกถึงการทำ New High ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 50 บาท มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 24.20 บาท (แนวต้าน: 26.25, 26.75, 27.75; แนวรับ: 25.50, 24.90, 24.00)      
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ปฎิเสธถึงการปั่นค่าเงินในประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยปฏิเสธข้ออ้างว่ามีการดำเนินการด้านสกุลเงินที่ไม่เป็นธรรมเพื่อให้ได้เปรียบทางการค้า โดยประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะโดนตรวจสอบถึงหลักเกณฑ์การเก็งกำไรในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯเนื่องจากมีการเกินดุลทางด้านการค้าทวิภาคีประมาณ 20 พันล้านดอลลาร์ซึ่งทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดแข็งแกร่งและทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้น (บางกอกโพสต์)
  • ผู้ถือตราสารหนี้รายย่อยโดนเตือนถึงความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ณ ขณะนี้ นักลงทุนรายย่อยในประเทศไทยถือหุ้นกู้ระยะยาวมากเกินไปทำให้มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้นักลงทุนรายย่อยมีหุ้นกู้ระยะยาว (อายุไม่ต่ำกว่า 1 ปี) มูลค่า 7 พันล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 33 ของหุ้นกู้ทั้งหมดที่ถือโดยนักลงทุนตราสารหนี้ทุกราย(บางกอกโพสต์)
  • สมคิดส่งเสริมการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ได้ขอให้มีการพิจารณาเพิ่มเครดิตให้กับผู้ถือบัตรเดบิตสวัสดิการแห่งรัฐนายสมคิดกล่าวว่าถ้าเป็นไปได้เราจะเพิ่มเงินสำหรับส่วนของเครดิตในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วย เพราะตอนนี้ก็เป็นที่ชัดเจนว่าคนยากจนต้องการเครดิตมากขึ้นในการซื้อสินค้า (เดอะเนชั่น)
  • DTAC ร่วงแรง 39% จากการคาดการณ์งบฯ 3Q60 กำไรหดตัวหุ้น DTAC ราคาร่วงแรง 7.39% โดยคาดว่าจะเป็นผลจากการคาดการณ์ว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 3/60 ของ DTAC จะออกมาแย่มาก อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประกาศงบการเงินของ DTAC ที่จะมีขึ้นในวันนี้ (18 ต.ค.)

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • สหรัฐฯ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ยังคงเดินหน้าปิดทำนิวไฮ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ ก็แข็งค่าขึ้น
  • ตลาดหุ้นยุโรป: ปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งในยุโรป
  • ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) จากแรงกดดันของข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น แต่หุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษดีดตัวขึ้น
  • จีน: การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 เปิดฉากวันนี้ถึง 24 ต.ค.60 การประชุมดังกล่าวซึ่งจัดขึ้นเพียง 1 ครั้งในทุกๆ 5 ปี ถือเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญที่สุดของจีน เนื่องจากจะมีการแต่งตั้งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์สำหรับช่วงเวลา 5 ปีข้างหน้า
  • ตลาดหุ้นมาเลเซีย-สิงคโปร์ปิดตลาดวันนี้ เนื่องในเทศกาลทีปวาลี

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • น้ำมันดิบ: ราคาปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงการที่กองกำลังทหารของรัฐบาลอิรักได้เข้ายึดคืนเมืองเคอร์คุกจากเงื้อมือของกลุ่มกบฎชาวเคิร์ด(ส่วนนี้มีรายงานว่ากระทบปริมาณน้ำมันดิบราว 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และความขัดแย้งเกี่ยวกับประเด็นนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ การประกาศไม่ให้การรับรองข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน จะเป็นการปูทางให้สภาคองเกรสมีเวลา 90 วันในการออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่าน นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ โพลล์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 9 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 340,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 2 ล้านบาร์เรล หากสต๊อกน้ำมันดิบลดลงต่อจากสัปดาห์ก่อน คาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันดิบตรึงตัวในระดับสูงต่อ
  • แท่นขุดเจาะน้ำมัน (Rig):Baker HugesInc. รายงานว่า Rig ในสหรัฐฯ สิ้นสุด 13 ต.ค. ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 5 แทน มาอยู่ที่ 743 แท่น ปัจจัยนี้แสดงถึงดีมานด์น้ำมันไม่ร้อนแรง
  • ค่าระวางเรือเทกองปรับตัวขึ้นมายืน 1,552 จุด เพิ่ม 29 จุด +1.90% บวกติดต่อกันเป็นวันที่ 10เป็นปัจจัยส่งผลบวกต่อ PSL และ TTA
  • ค่าการกลั่น ทรงตัวในระดับ 7.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับวานนี้ที่ 7.28 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยไตรมาส 3/60 ที่ 8.26 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
  • ทองคำ: ราคาทองคำร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ เฟดเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. ด้วยปัจจัยหนุนจากการผลิตรถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งบ่งชี้ถึงการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคสหรัฐฯขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านดีดตัวขึ้น 4 จุด สู่ระดับ 68 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.