'ศุภชัย' อ่วม!! อัยการฟ้องอาญาอีก

'ศุภชัย' อ่วม!! อัยการฟ้องอาญาอีก

อัยการฟ้องอาญา "ศุภชัย" อดีตปธ.สหกรณ์คลองจั่น สำนวนที่ 5 ร่วมคณะบริหาร 3 คน ลักทรัพย์-ปลอมใบเงินกู้กว่าหมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้นำสำนวนคดี ยื่นฟ้อง นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 60 ปี อดีตประธานกรรมการดำเนินการและรักษาการผู้จัดการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด , น.ส.ศรัณยา มานหมัด อายุ 53 ปี อดีตผู้ช่วยผู้จัดการและรองผู้จัดการใหญ่สหกรณ์ฯ , นายลภัส โสมคำ อายุ 57 ปี อดีตเลขานุการกรรมการสหกรณ์ฯ และนายกฤษฎา มีบุญมาก อายุ 43 ปี อดีตหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อสหกรณ์ฯ เป็นจำเลยที่ 1 - 4 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง , ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264,265,268,334,335 โดยให้พวกจำเลยร่วมกันคืนเงิน 10,812,663,995.29 บาทแก่สหกรณ์ฯผู้เสียหายด้วย

โดยคำฟ้องอัยการ ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 19 ต.ค.50 - 1 มี.ค.55 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสี่ร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการ ลักเอาเงินของสหกรณ์ฯ จำนวน 10,812,663,995.29 บาทไปโดยใช้วิธีร่วมกันสั่งจ่ายเช็คจากบัญชีธนาคารของสหกรณ์ฯผู้เสียหาย แล้วนำไปเบิกเงินสดจากธนาคารไปเป็นของตนเองโดยทุจริตทำให้มีเงินหายไปจากระบบบัญชี นอกจากนี้พวกจำเลยยังได้ทำเอกสารเงินกู้ปลอมและเอกสารปลอมอื่นที่เกี่ยวข้องขึ้นมาต้องการไม่ให้ผู้ตรวจบัญชีตรวจพบหรือสงสัยในระบบบัญชี เพื่อพวกจำเลยจะนำไปใช้เป็นหลักฐานประกอบในระบบบัญชีว่า เงินที่หายไปจากบัญชีของสหกรณ์ฯ นั้นเพราะมีผู้มากู้เงินตามสัญญา ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ปรากฏว่า มีการกู้ยืมเงินจริงแต่อย่างใด เหตุเกิดที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ฯ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ชั้นสอบสวนจำเลยให้กาปฏิเสธ

ซึ่งศาลอาญา ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.3056/2560 และนัดสอบคำให้การจำเลยทั้งสี่ ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายศุภชัยนั้น ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำบางขวาง ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำคุก 7 ปี คดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ฯ กรณีเบิกเงินสดของสหกรณ์ฯผู้เสียหาย 8 ครั้ง ๆ ละระหว่าง 184,000 บาท - 6 ล้านบาท รวม 22,132,000 บาทเข้าบัญชีของจำเลยหรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต ในคดีหมายเลขดำ อ.1739/2555

โดยนายศุภชัย ยังมีคดีที่ถูกอัยการฟ้องเพิ่มเติมและรอพิจารณาอีก 3 สำนวน ประกอบด้วย 1.คดีหมายเลขดำ อ.3339/2559 ที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ฟ้องนายศุภชัย กับพวกรวม11 ราย ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 , 343 กรณีระหว่างเดือน ม.ค. 51- ธ.ค.55 พวกจำเลยร่วมกันหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ โดยจำเลยทั้งหมดทำสัญญากู้ยืมเงินระหว่างสหกรณ์ฯ กับสมาชิกสมทบซึ่งเป็นนิติบุคคลหรือคณะบุคคลที่ไม่ได้ถือหุ้นในสหกรณ์ จำนวน 28 ราย รวมเงินสัญญากู้ยืม 11,858,440,000 บาท โดยมิได้มีการกู้ยืมเงินกันจริง ซึ่งโจทก์ขอให้ศาลสั่งจำเลยทั้งหมดร่วมกันคืนเงินให้ผู้เสียหาย รวม 2,254 รายด้วยโดยคดีนี้อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 พ.ย.59

2.คดีหมายเลขดำ ฟย.47/2559 อัยการคดีพิเศษ 4 ยื่นฟ้อง นายศุภชัย , น.ส.ศรัณยา มานหมัด อดีตรองผู้จัดการสหกรณ์ , นางทองพิน กันล้อม อดีตกรรมการ ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินกับพระธัมมชโย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 30 พ.ย.59

3.คดีหมายเลขดำ ฟย.6/2560 อัยการคดีพิเศษ 4 ยื่นฟ้องนายศุภชัย , น.ส.ศรัณยา , นางทองพิน และนายสถาพร ฐานร่วมกันฟอกเงินโดยคดีนี้อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 28 ก.พ.60

ขณะที่เมื่อวันที่ 25 พ.ย.59 ศาลแพ่ง ยังมีคำพิพากษาคดีที่สหกรณ์ฯ ยื่นฟ้องนายศุภชัย อดีตปธ.สหกรณ์ฯ, น.ส.ศรัญยา อดีตรอง ผจก.สหกรณ์ฯ, นายลภัส อดีตเลขานุการสหกรณ์ฯ และนายกฤษดา อดีตหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อสหกรณ์ฯ กับพวกจำเลยรวม 14 คนในคดีหมายเลขดำ ด.1674/2557 ให้ร่วมกันชดใช้เงินคืนสหกรณ์ฯโดยนายศุภชัย ,น.ส.ศรัญยา, นายลภัส ,นายกฤษดา จำเลยที่ 1-4 ต้องร่วมกันชำระจำนวน 3,811,605,926.18 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องที่ 1 พ.ค.57 จนกว่าจะชำระเสร็จ

โดยนายศุภชัย อดีต ปธ.สหกรณ์ฯ ยังมีคดีแพ่ง ที่อัยการ ยื่นฟ้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน อีก 2 สำนวน ประกอบด้วย 1.คดีหมายเลขดำ ฟ.173/2559 อัยการยื่นเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนายศุภชัยกับพวกตกเป็นของแผ่นดิน จากที่มีการกระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน รวมทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 85,769,438.25 บาท

2.คดีหมายเลขดำ ฟ.208/2559 อัยการยื่นฟ้องวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนายศุภชัย กับพวกตกเป็นของแผ่นดิน จากที่มีการกระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน รวมทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 1,585,000,000 บาท โดยคดีแพ่งทั้ง 2 สำนวนอยู่ระหว่างการไต่สวนพยาน