คาดปัจจัยบวกต่างประเทศดัน'หุ้นไทย'ขึ้นต่อ

คาดปัจจัยบวกต่างประเทศดัน'หุ้นไทย'ขึ้นต่อ

โบรกลุ้น "หุ้นไทยสัปดาห์นี้" แตะ 1,658 จุด อานิสงส์แรงซื้อหุ้นใหญ่

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (11 - 15 ก.ย.) ดัชนีฯมีมีแนวโน้มปรับฐานก่อนเดินหน้าต่อ แม้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีหลายปัจจัยที่หนุนให้ดัชนีฯปรับขึ้นมามาก แต่อาทิตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีขึ้น แรงหนุนจากข่าวบวกของหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ และความถูกแพงของตลาดหุ้นไทยเทียบกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามาก หากมองในมุมเทคนิคดัชนีฯใช้เวลาเพียง 10 วัน ขึ้นมา 4.9% และคือชนจุดสูงสุดในรอบ 51 เดือน ซึ่งหากไม่ข้ามผ่านจุดสูงสุดดีงกล่าวไปเลย ดัชนีฯก็อาจจะพักตัวชั่วคราวก่อนเดินหน้าต่อ

ทาง บล. มองว่าจะเป็นไปในแบบพักตัวชั่วคราวแล้วขึ้นต่อ โดยคาดแนวรับดัชนีฯสัปดาห์นี้ ที่ 1,621-1,628 จุด ส่วนแนวต้านคือ 1,658 จุด ตัวแปรที่มีผลต่อตลาดคือ สถานการณ์เกาหลีเหนือ และ นักลงทุนต่างประเทศจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นต่อหรือไม่

ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ นักลงทุนควรพิจารณาขายทำกำไรในหุ้นขึ้นมามาก และใช้การเล่นแบบเปลี่ยนตัว-เปลี่ยนกลุ่ม หุ้นที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้คือหุ้นที่อิงกับการเติบโตของเศรษฐกิจ , หุ้นธนาคาร , หรือหุ้นค้าปลีก ที่ถูกปรับลดความน่าสนใจ (underweight) มาก่อนหน้านี้

ทั้งนี้มีปัจจัยการลงทุนที่ควรติดตามได้แก่ ผลจากเฮอร์ริเคน “เออร์มาร์” ที่สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อสหรัฐฯในรแบหลายสิบปี รายงานว่าความเสียหายในกรณีร้ายแรงอาจจะมีมูลค่าถึง 1.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ อุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหายหลักได้แก่อุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งถือเป็นปัจจัยลบใหม่

ขณะเดียวกันเลขจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 298,000 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ จึงคาดการณ์กันว่า เฟดอาจจะมีการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยและด้วยเหตุผลทั้งสามประการดังกล่าวทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ส่งผลให้การแข็งค่าของเงินบาทจึงเป็นประเด็นที่นักลงทุนจับตามองอีกครั้ง คาดว่าค่าเงินบาทจะแข็งต่อเนื่องซึ่งเป็นลบต่อกลุ่มส่งออก

ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือยังเป็นปัจจัยลบต่อเนื่อง หลังจากเกาหลีเหนือมีการทดสอบระเบิดไฮโดรเจน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ได้มีการออกมาตอบโต้ด้วยการใช้มาตรการคว่ำบาตรกดดันเกาหลีเหนือต่อเนื่อง มีการจับตารอดูมาตรการใหม่ในวันที่ 11 ก.ย.นี้ รวมถึงการตอบโต้จากทางเกาหลีเหนือที่อาจจะตามมาอีก

ส่วนผลการประชุม ธนสคารกลางยุโรปที่ผ่านมา มีการแถลงข่าวหลังประชุมโดยระบุว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ธนาคารกลางยุโรป ดำเนินนโยบาย คิวอีต่อไป คาดว่าการลดคิวอีจะเกิดขึ้นช้าออกไปประมาณ 18 เดือน จากที่เคยคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงประมาณ 15 เดือน ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อตลาด

สำหรับตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ การประชุม อีอีซี ช่วงวันที่ 11-13 ก.ย. นี้ ที่จะมีคณะนักลงทุนญี่ปุ่นกว่า 560 ราย เข้าร่วมสัมนาและเยี่ยมชมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานของพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก บล.มองประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อกลุ่มนิคม